GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "Persona 5 Royal"
Persona 5 ช่วยผลักดันยอดขายให้กับ Atlus อย่างมหาศาล!
ซีรีส์เกม Persona เริ่มเข้าสู่กระแสหลักมากขึ้น มีผู้ให้ความสนใจกับเกมซีรีส์นี้มากขึ้นตั้งแต่ภาค Persona 3 แต่แล้วในภาค Persona 5 Royal การวางจำหน่ายใหม่ของมันก็ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายไปมาก จนดูเหมือนมีผลกระทบไปทั้งบริษัทผู้พัฒนาเลยทีเดียว Atlus ปล่อยรายงานประจำปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2020 บอกเล่าว่าเกมสามเกมที่เปิดตัวในช่วงเวลาดังกล่าว มียอดขายเกินความคาดหมายของบริษัททั้งสิ้น และนั่นรวมไปถึง Persona 5 Royal ที่ได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ Persona 5 Scramble: The Phantom Strikers ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม และ 13 Sentinels: Aegis Rim, The Vanillaware ที่เพิ่งได้รับการยืนยันว่าจะวางจำหน่ายสำหรับภาษาอังกฤษ แม้ว่าตัวเลขยอดขายจะเกินเป้าของบริษัท แต่บริษัทแม่อย่าง Sega ก็ยังมีรายงานผลขาดทุนสุทธิ 423.8 ล้านเยน (ประมาณ 121.8 ล้านบาท) แต่ก็ลดลงจากรายงานปีที่แล้วอย่างมากที่ขาดทุนถึง 904 ล้านเยน (ประมาณ 259.8 ล้านบาท) ดังนั้นผลจึงยังเป็นบวก Persona 5 Royal วางจำหน่ายเมื่อต้นปีนี้และ 13 Sentinels จะวางจำหน่ายวันที่ 8 กันยายน สำหรับเครื่อง PS4 ในตอนนี้ยังไม่มีข่าวว่า Persona 5 Scramble จะออกเวอร์ชั่น ENG เมื่อไหร่ Credit: Gamingbolt
01 Jul 2020
Sega เผย Persona 5 Royal เป็นเกมที่ทำยอดขาย "ทำลายสถิติ" ในฝั่งตะวันตก!
หลังจากที่รอกันมาเกือบปี ในที่สุดผู้เล่นนอกญี่ปุ่น ก็มีโอกาสได้สัมผัส Persona 5 Royal แล้วในวันที่ 31 มีนาคม 2020 ที่ผ่านมา คิดว่าไม่ต้องสาธยายอะไรให้มากความ ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเกมนี้ยอดเยี่ยมแค่ไหน และถึงแม้ว่าจะเป็นเกมที่เอาภาคเก่ามาทำการ Reboot แล้วว่าขาย แต่ตัวเกมก็ยังขายดีแบบถล่มทลายอยู่ดีครับ ในช่วงถามตอบ กับเหล่านักลงทุน Sega ที่เป็นPersona 5 Royal ของ ATLUS ได้ยืนยันว่า ตัวเกม Persona 5 Royal สามารถทำยอดขายได้สูงถึงขนาดทำลายสถิติในฝั่งตะวันตกเลย ถึงแม้ว่าจะไม่มีการประกาศว่าตัวเกมสามารถทำยอดขายได้เท่าไหร่ แต่ข่าวนี้ก็ทำให้สามารถคิดได้ว่า เราอาจได้เห็น Persona ภาคต่อไปมาเร็วกว่าที่คิดก็เป็นได้ครับ Persona 5 Royal วางจำหน่ายแล้ววันนี้บนเครื่อง PS4 เท่านั้น Credit:GamingBolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
20 May 2020
Review: Persona 5 Royal สุดยอด JRPG ที่กลับมาขโมยใจคุณอีกครั้ง
แม้จะไม่ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลายเท่าซีรี่ส์รุ่นพี่จากแดนปลาดิบด้วยกันอย่าง Final Fantasy หรือ Dragon Quest แต่เกมซีรี่ส์ Persona ก็ถือเป็นอีกหนึ่งซีรี่ส์เก่าแก่ ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัย PS1 แล้ว โดยเฉพาะในช่วง 5-10 ปีหลังมานี้ ที่เกม Persona เริ่มกลายเป็นเกม JRPG อันดับหนึ่งในดวงใจของใครหลายๆ คน สำหรับผู้เขียนเอง ออกตัวก่อนเลยว่าเป็นแฟนตัวยงของเกม Persona มาตั้งแต่ที่เล่นภาค 4 ในเครื่อง PS2 เมื่อหลายปีมาแล้ว (ถ้ารวมกับภาค Persona 4 Golden ที่วางจำหน่ายในเครื่อง PSVita ผู้เขียนเล่นเกมนี้จบรวมกัน 4 รอบแล้ว) ทำให้เวลา 150 ชั่วโมงที่ใช้ในการผ่านเนื้อเรื่องเกม Persona 5 ฉบับดั้งเดิมเป็นเวลาที่แสนสุขสำหรับผู้เขียน แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่ได้ชอบเท่ากับเกม Persona 4 Golden แต่ก็ยังถือเป็นประสบการณ์ JRPG อันดับต้นๆ ในใจ ที่มอบทั้งเกมเพลย์ กราฟฟิค เนื้อเรื่อง และตัวละครที่ยอดเยี่ยม ตามมาตรฐานที่เป็นมาทุกภาคของเกม ความหวังที่ผู้เขียนมีในใจเมื่อเริ่มเล่นเกม Persona 5 Royal คือเกมอาจจะสามารถยกระดับ Persona 5 ให้กลายเป็นเกมในดวงใจของผู้เขียนได้อีกเกม แบบเดียวกับที่ Persona 4 Golden พัฒนาประสบการณ์ของเกม Persona 4 ขึ้นไปอย่างมหาศาล โดยผลลัพธ์ที่ออกมา แม้ว่า Persona 5 Royal จะยังไม่ได้ทำให้ประสบการณ์โดยรวมของเกมต้นฉบับพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นฉบับปรับปรุงของเกมที่ดีเลิศอยู่แล้ว ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นไปอีกในทุกๆ ด้านเลยทีเดียว ข้อติเดียวที่พอจะนึกออก คือการทีเกมเพิ่มตัวละครใหม่ที่มีความสำคัญมากๆ เข้ามา แต่แทบไม่แตะต้องตัวละครเหล่านั้นเลย จนถึงเนื้อเรื่องใหม่ ที่เกิดขึ้นหลังตอนจบของเกมภาคดั้งเดิมไปอีก หมายความว่าผู้ที่เคยเล่นภาคดั้งเดิมมาแล้ว และอยากสัมผัสกับเนื้อเรื่องใหม่ จำเป็นต้องเล่นเนื้อเรื่องดั้งเดิมใหม่อีกรอบซะก่อน ซึ่งแม้ว่าจะมีการปรับปรุง/เปลี่ยนแปลงเกมเพลย์บ้างระหว่างทาง แต่ก็ยังใช้เวลาเฉียดร้อยชั่วโมงอยู่ดี ต่อให้เนื้อเรื่องส่วนที่เพิ่มเข้ามาจะเขียนออกมาได้อย่างดี และสามารถเสริมธีมและสาส์นที่เกมพยายามจะสื่อให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นก็ตาม แต่แม้ว่าตัวผู้เขียนเองจะชอบเกมขนาดไหน สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือเกมคงไม่ได้เหมาะกับผู้เล่นทุกคนอย่างแน่นอน หากคุณไม่ใช่คนที่สามารถนั่งอ่านเนื้อเรื่องติดๆ กันได้เป็นชั่วโมงโดยที่ไม่มีการต่อสู้เลย หรือไม่ใช่คนที่ใจเย็นพอจะศึกษารายละเอียดยิบย่อยมากมาย ที่ทำให้เกม Persona มีเอกลักษณ์แตกต่างจากเกม JRPG ทั่วไปในตลาดทุกวันนี้ เพราะสิ่งที่ทำให้เกมพิเศษสำหรับแฟนๆ อาจจะน่าหงุดหงิดรำคาญใจสำหรับหลายคนเช่นกัน สำหรับคนที่ยังไม่เคยเล่นเกม Persona 5 มาก่อน และมั่นใจว่าอยากลอง เกมภาค Royal ถือเป็นโอกาสทองที่จะได้สัมผัสกับ JRPG ที่ดีที่สุดเกมหนึ่งในยุคคอนโซลปัจจุบัน ในสภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด ส่วนผู้เล่นที่เคยเล่นภาคดั้งเดิมมาแล้ว อาจจะต้องถามตัวเองว่าคุณพร้อมจะเล่นเนื้อเรื่องทั้งหมดนั้นอีกรอบไหม ◊ กราฟิก / การนำเสนอ ◊ ด้วยความที่เกม Persona 5 เดิมทีแล้วถูกพัฒนาขึ้นสำหรับเครื่อง PS3 ด้วย และวางจำหน่ายพร้อมกันกับเวอร์ชั่น PS4 ทำให้เกมมีขีดจำกัดในแง่ของกราฟฟิคอยู่พอสมควร แม้ว่าเกมจะไม่ได้น่าเกลียดแต่อย่างใด แถมยังมีสไตล์การออกแบบศิลป์ที่จัดจ้าน ซึ่งช่วยยกระดับกราฟฟิคโดยรวมของเกมขึ้นมาได้มากเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด แต่ก็มีจุดเล็กๆ หลายจุด เช่นการที่ภาพแตกเป็นพิกเซล ที่ถ้ากำจัดไปได้ ก็จะทำให้เกมรู้สึกใกล้เคียงกับมาตรฐานปัจจุบันมากขึ้น สำหรับเกม Persona 5 Royal ถือว่ากลบจุดอ่อนทั้งหมดที่ผู้เขียนเคยรู้สึกติดจากเกมฉบับดั้งเดิมได้ และยังพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นอีกด้วย (โดยเฉพาะใน PS4 Pro) โดยนอกจากจะอัพกราฟฟิคทั้งหมดในเกมให้คมชัดยิ่งขึ้น ยังเพิ่มรายละเอียดยิบย่อยในฉาก และเพิ่ม NPC ให้หนาตามากขึ้นด้วย กราฟฟิคที่ปรับให้คมชัดยิ่งขึ้น ยังช่วยทำให้การออกแบบศิลป์ที่ยอดเยี่ยมของเกม เช่นหน้าเมนู หน้า U.I. หรือฟอนต์ เด่นขึ้นอีกด้วย ซึ่งแม้ว่าทั้งหมดจะเป็นเพียงข้อพัฒนาเล็กน้อย แต่ก็ทำให้เกมรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเก่าอย่างรู้สึกได้เลยทีเดียว นอกจากเรื่องสไตล์การออกแบบศิลป์แล้ว เกมซีรี่ส์ Persona ยังโด่งดังในเรื่องของเพลงประกอบ และ Persona 5 ต้นฉบับก็มีเซ็ตเพลงประกอบแนว Acid-Jazz ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว โดยในภาค Royal จะเพิ่มเพลงประกอบใหม่เข้าไปอีก 20 เพลง แม้ผู้เขียนจะยอมรับว่าจำเพลงที่เพิ่มมาได้อยู่ไม่กี่เพลง แต่ทุกเพลงก็ช่วยเสริมอรรถรสของเกมได้เช่นกัน โดยเฉพาะเพลงฉากต่อสู้ใหม่ (เพลงชื่อ Take Over) ที่ช่างเร้าอารมณ์ในฉากต่อสู้ได้ดีเหลือเกิน รับประกันว่าถ้าคุณได้ลองเล่นซักครั้ง จะต้องหาเปิดเพลง Soundtrack ฟังทั้งวันเหมือนผู้เขียนแน่นอน ◊ เนื้อเรื่อง ◊ เนื้อเรื่องในเกม Persona 5 Royal ประมาณ 80-90% จะยกมาจากเกมต้นฉบับตรงๆ โดยเกมจะติดตามตัวเอกใบ้ (ซึ่งผู้เล่นตั้งชื่อเอง) ผู้ซึ่งโดนส่งเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองโตเกี่ยวคนเดียวเป็นระยะเวลา 1 ปี หลังจากที่โดนตำรวจยัดข้อหาทำร้ายร่างกายให้ แต่เมื่อมาถึงไม่ทันไร ตัวเอกก็ได้ค้นพบการมีอยู่ของมิติปริศนา ที่เกิดขึ้นจากจิตใจอันบิดเบี้ยวชั่วร้ายของเหล่าผู้ใหญ่ ตัวเอกและเพื่อนๆ จึงใช้พลังพิเศษที่เรียกว่า Persona ในการบุกเข้าไปยังมิติคู่ขนานเหล่านี้ เพื่อ "ขโมยหัวใจอันบิดเบี้ยว" ของผู้ใหญ่อันชั่วร้าย ให้พวกเขาสามารถกลับใจมายอมรับผิดได้อีกครั้ง ถ้าให้มองแบบกว้างๆ นั้น เนื้อเรื่องของเกม Persona 5 ิอาจจะไม่ได้พิเศษอะไรนัก เผลอๆ อาจจะดูเหมือนพล๊อตการ์ตูนอนิเมะทั่วไปด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำให้เนื้อเรื่องของเกม Persona ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางคือรายละเอียดภายในเนื้อเรื่อง ที่มักจะสะท้อนภาพเหตุการณ์หนักๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศ การฆ่าตัวตาย หรือกระทั่งการเมือง ซึ่งใกล้เคียงกับสิ่งที่เราพบเห็นในข่าวในชีวิตจริงอยู่เป็นประจำ ทำให้เหตุการณ์เหล่านี้ รวมไปถึงสาส์นที่เกมต้องการจะสื่อผ่านเนื้อเรื่อง รู้สึกมีน้ำหนักต่อความคิดและจิตใจเราจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น เกม Persona 5 ยังแฝงไปด้วยแนวคิดของความ "ขบถ" ของคนรุ่นใหม่ ที่ลุกขึ้นมาปฏิเสธโลกอันบิดเบี้ยว ที่เหล่าผู้ใหญ่สร้างขึ้นมาเพื่อบำเรอตนเอง รวมไปถึง "บทบาท" ที่สังคมยัดเยียดให้พวกเขา ซึ่งผู้เขียนรู้สึกว่าน่าจะเหมาะกับสถานการณ์บ้านเมืองทั่วโลกในปัจจุบันมากๆ  และน่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายคน ที่อาจจะรู้สึกสิ้นหวังกับทิศทางของโลกในปัจจุบัน เนื้อเรื่องส่วนที่เพิ่มมาในเกมภาค Royal จะเกี่ยวข้องกับตัวละครใหม่ที่เกมเพิ่มเข้ามา คือนักจิตวิทยา Maruki และเพื่อนร่วมปาร์ตี้คนใหม่อย่าง Kasumi นั่นเอง โดยเกมจะเน้นปูเนื้อเรื่องของทั้งสองผ่านฉากคัตซีนที่สอดแทรกเข้าไปเพิ่มในเหตุการณ์ของเนื้อเรื่องหลัก และจะเริ่มเข้าสู้เนื้อเรื่องใหม่ของทั้งสองจริงๆ หลังตอนจบของเนื้อเรื่องหลักไปแล้ว แม้ว่าสุดท้ายแล้ว เนื้อเรื่องส่วนที่เสริมมาจะเขียนมาค่อนข้างดี และมีเนื้อหาและข้อคิดที่หนักอึ้งให้นั่งขบคิดกันไม่ต่างจากเนื้อเรื่องหลัก (ไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวสปอย) แต่ด้วยรูปแบบการนำเสนอ ที่นำเนื้อเรื่องของทั้งสองมาเล่าในช่วงท้ายเกมทั้งหมดทีเดียว ทำให้บางทีก็รู้สึกเร่งๆ เหมือนกัน เพราะต้องทำให้ตัวร้ายตัวใหม่รู้สึกน่าเกรงขามมากพอที่จะท้าทายเหล่าตัวเอกและผองเพื่อน ที่กำจัดบอสใหญ่ไปแล้วได้ แถมยังต้องมาพัฒนาตัวละครของ Kasumi ผู้ซึ่งเป็นตัวเอกอีกตัวของเนื้อเรื่องเสริมนี้อีก ทำให้อดเสียดายไม่ได้ว่าถ้าเกมปูเรื่องมาให้เป็นธรรมชาติกว่านี้ และหาวิธีสอดเรื่องราวของ Kasumi เข้าไปก่อนสู้บอสใหญ่ อาจจะทำให้ทุกอย่างรู้สึกลงตัวมากกว่านี้   คนที่เล่นแล้วอาจจะเถียงว่า "ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่องเสริม มันก็ต้องเล่าประมาณนี้แหละ" ซึ่งผู้เขียนก็ไม่เถียง แต่ก็ยังอดเสียดายไม่ได้อยู่ดีที่เกมไม่ได้ทำให้ Kasumi รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของทีมจริงๆ จนกระทั่งถึงตอนจบ ซึ่งก็ทำให้ตัวละครของเธอขาดน้ำหนักไปพอสมควรเมื่อเทียบกับตัวละครดั้งเดิม นอกจากเนื้อเรื่องหลักแล้ว อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของเกม Persona คือเนื้อเรื่องส่วนตัวของแต่ละตัวละครเอง ซึ่งจะปลดล๊อคผ่านระบบ Confidant ของเกมนั่นเอง โดยเนื้อเรื่องเหล่านี้ แม้ส่วนใหญ่จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักโดยตรง แต่ก็ช่วยทำให้เราได้รู้จักกับตัวละครหลายๆ ตัวมากขึ้น เพราะมักจะเกี่ยวข้องกับการแก้ปมในใจ หรือปัญหาในชีวิตประจำวันของตัวละคร ที่แม้จะไม่ได้ตื่นเต้นเป็นพิเศษ แต่เนื้อเรื่องเหล่านี้ยังมีเนื้อหาที่กินใจ และให้แง่คิดดีๆ ในการใช้ชีวิตเสมอ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนกับได้ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับผองเพื่อนที่ผ่านอะไรต่อมิอะไรมาด้วยกันจริงๆ ซึ่งก็กลับมาช่วยเสริมเนื้อเรื่องของเกมอีกที สำหรับคนที่เคยเล่นเกมมาแล้ว เนื้อเรื่องของ Persona 5 Royal อาจจะไม่ใช่จุดดึงดูดหลัก เพราะเอาจริงๆ ก็เหมือนเดิมไปซะเกือบทั้งหมดอยู่เหมือนกัน และถ้าอยากเข้าถึงเนื้อเรื่องใหม่ ก็ต้องผ่านเนื้อเรื่องเก่าที่กินความยาวได้เป็นร้อยชั่วโมงไปซะก่อน แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อน และชื่นชอบการเสพเนื้อเรื่องเกมเยอะๆ ยาวๆ บอกเลยว่าเกมนี้มีให้คุณเสพจนอิ่มแน่นอน ◊ เกมเพลย์ ◊ เกมเพลย์ของ Persona 5 (ทั้ง Royal และปกติ) น่าจะเป็นทั้งจุดแข็งที่สุดและจุดอ่อนที่สุด ขึ้นอยู่กับความชอบของคนที่เล่น การเล่นเกมจะสามารถแบ่งออกเป็นสองช่วงหลักๆ คือช่วงต่อสู้ตะลุยดันเจี้ยน (ที่เกมเรียกว่า Palace หรือวัง) และช่วงใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งมีความสำคัญพอๆ กัน โดยปกติแล้ว เวลาส่วนใหญ่ในเกม P5R จะถูกใช้ไปกับการดำเนินชีวิตประจำวันของตัวเอก โดยมีจุดประสงค์สองอย่าง คือเพื่อพัฒนาค่าความสามารถทางสังคม (Social Stat) เช่นความหล่อ ความฉลาด หรือความใจดี และเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละครเสริมอื่นๆ ในระบบ Confidant ของเกมนั้นเอง ซึ่งการพัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละคร บางครั้งก็จำเป็นต้องใช้ค่าสถานะทางสังคมถึงระดับหนึ่งก่อน โดยเกมจะดำเนินไปตามระบบปฏิทิน และเนื้อเรื่องจะมีจำนวน "วัน" ในเกมที่ตายตัว หมายความว่าผู้เล่นจะต้องบริหารเวลาให้ดี เพื่อให้สามารถเก็บค่าสถานะให้ได้มากที่สุด เพื่อปลดล๊อคเนื้อเรื่องเสริมเหล่านี้ให้ได้มากที่สุดเช่นกัน การปลดล๊อคเนื้อเรื่องเสริมเหล่านี้ ยังช่วยเพิ่มความสามารถพิเศษให้เราใช้ในการสำรวจดันเจี้ยนอีกด้วย ผู้เล่นจึงควรพัฒนาระดับ Confidant ของตัวละครให้มากที่สุดที่จะทำได้ จุดนี้น่าจะเป็นจุดที่ทำให้หลายคนขยาดจากเกม Persona ไปได้ง่ายๆ เพราะเวลากว่า 60-70% ของการเล่นเกมมักจะถูกใช้ไปกับการนั่งอ่านเนื้อเรื่องเสียมากกว่า ในบางครั้งอาจต้องนั่งอ่านเนื้อเรื่องอย่างเดียวเป็นชั่วโมงเลยก็ได้ แน่นอนว่าคนที่ไม่ชอบอ่านเนื้อเรื่องเยอะๆ หรือมีปัญหาด้านภาษาอังกฤษ อาจจะทำให้เกมน่าเบื่อไปเลยได้เช่นกัน แต่ในขณะเดียวกัน เนื้อเรื่องที่เกมนำเสนอก็เป็นเสน่ห์สำคัญอย่างหนึ่งของเกมด้วย จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเกมคงไม่ถูกใจผู้เล่นกลุ่มใหญ่ๆ แน่นอน แม้ว่าจะได้รับคะแนนจากสื่อที่รีวิวดีแค่ไหนก็ตาม นอกจากการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ในแต่ละเดือน (ตามเวลาเกม) จะมีดันเจี้ยนที่ผู้เล่นจะต้องผ่านให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งผู้เล่นจะเลือกได้อย่างอิสระว่าในหนึ่งเดือนนั้น จะใช้เวลาลงดันเจี้ยนกี่วัน หรือจะใช้เวลาในการเตรียมตัวในโลกแห่งความจริงกี่วัน ซึ่งถ้าเคลียร์ดันเจี้ยนไม่ได้ในเวลาที่กำหนด ก็จะทำให้ Game Over ทันที การต่อสู้ของเกม Persona จะมีส่วนคล้ายคลึงกับเกมอย่างโปเกม่อนอยู่บ้าง ตรงที่เกมจะเปิดให้ผู้เล่นสามารถเก็บสะสมเหล่า Persona ต่างๆ ไว้กับตัวได้ ซึ่ง Persona แต่ละตัวก็จะมีความสามารถและจุดแข็ง/จุดอ่อนต่างกัน โดยการเลือกใช้การโจมตีให้ตรงกับจุดอ่อนของศัตรูถือเป็นหัวใจหลักของการต่อสู้ในเกม เพราะเมื่อโจมตีถูกจุดอ่อนของศัตรู (หรือโจมตีติด Critical) จะทำให้ศัตรูตัวนั้นล้มลง และทำให้ตัวละครที่โจมตีได้รับเทิร์นเพิ่มอีกด้วย ซึ่งเมื่อเราทำให้ศัตรูทั้งหมดล้มลงได้ เราจะสามารถปิดฉากด้วยการโจมตี All-out Attack ทันที หรือจะขู่กรรโชกศัตรู (ไม่ได้พูดเล่น) เพื่อแย่งไอเทมหรือเงิน หรือกระทั่งเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็น Persona ของเราเลยก็ยังได้ การหาจุดอ่อนของศัตรูแต่ละชนิดให้เจอจึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ความท้าทายของเกม Persona อยู่ตรงที่ว่าศัตรูเองก็สามารถโจมตีถูกจุดอ่อนของเราได้ ซึ่งเมื่อโดนแต่ละครั้งนี่แทบจะโดนสวนม้วนเดียวนอนทั้งตี้ได้เลย โดยตัวละครเพื่อนร่วมปาร์ตี้ทุกคนจะมี Persona และจุดอ่อน/จุดแข็งตายตัว (ในขณะที่ตัวเอก/ผู้เล่นจะสามารถสับเปลี่ยน Persona ไปมาได้) ทำให้การเล่นเกมบางครั้งก็พึ่งโชคประมาณหนึ่ง ว่าศัตรูตัวนี้จะเลือกโจมตีตัวละครตัวไหน และจะใช้ท่าที่ตัวละครตัวนั้นแพ้ทางไหม เพราะถ้าโดนเข้าซักทีก็เตรียมปาดเหงื่อได้เลย (โดยเฉพาะในระดับความยากสูงๆ) นอกจากนี้ เกมยังมีไอเทมที่ใช้ฟื้นฟู SP (ค่าพลังที่เอาไว้ใช้ร่ายสกิลเวทย์) ให้ใช้น้อยมาก ซึ่งนี่จะเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งในการตะลุยดันเจี้ยน เพราะเมื่อไม่มี SP ก็จะไม่สามารถใช้เวทย์เพื่อเล่นงานจุดอ่อนศัตรู หรือเพื่อเพิ่มเลือดได้ ทำให้แม้แต่การต่อสู้กับศัตรูกีกี้ธรรมดา กลายเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากๆ ผู้เล่นจึงต้องบริหาร SP ให้ดี ไม่เช่นนั้นก็อาจจะถูกบังคับให้ต้องหนีออกจากดันเจี้ยนกลางทาง ทำให้เสียเวลาในเกมไปกับการผ่านดันเจี้ยนมากขึ้น และมีเวลาไปใช้ชีวิตน้อยลง ซึ่งก็ทำให้การเตรียมตัวสำหรับดันเจี้ยนต่อไปยากขึ้น ส่งผลต่อกันเป็นทอดๆ ไป ในส่วนของเกม Persona 5 Royal ไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบไปเท่าไหร่นัก แต่เช่นเดียวกับในเรื่องกราฟฟิค เกมภาค Royal ได้เพิ่มข้อปรับปรุงเล็กๆ เข้าไปมากมาย ที่ทำให้ประสบการณ์การเล่นเกม Persona 5 ง่ายขึ้นกว่าเดิมพอสมควร อย่างแรกที่สุดที่ถูกปรับคือเกมเปิดช่องเวลาให้ผู้เล่นมากขึ้น จากเดิมที่จะมีช่องเวลาที่ถูกจำกัดตามเนื้อเรื่องเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้เล่นมีเวลาในการเก็บ Social Stat และ Confidant มากขึ้นไปด้วย ซึ่งในฐานะผู้เล่นที่ผ่านภาคดั้งเดิมมาก่อน ถือเป็นข้อปรับปรุงที่ดีที่สุด เพราะทำให้ผู้เขียนสามารถเก็บ Social Stat ได้เร็วกว่าเดิมมากๆ จนผู้เขียนสามารถเก็บระดับ Confidant สำหรับตัวละครเสริมครบหมดทุกตัว (กระทั่ง Confidant ที่เพิ่มมาใหม่อย่าง Faith และ Councillor) ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในภาคดั้งเดิม อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่เปลี่ยนไป คือระบบ Technical Damage ของเกม ซึ่งจะทำให้ศัตรูที่ติดสถานะผิดปกติ (เช่นติดพิษ ติดใบ้ เป็นต้น) ได้รับความเสียหายจากการโจมตีบางชนิดเพิ่มขึ้น โดยในเกมภาคดั้งเดิม ระบบนี้มักจะถูกมองข้าม เพราะการโจมตีจุดอ่อนของศัตรูไปเลยมักจะเป็นทางเลือกที่ง่ายและดีกว่า แต่ในเกมภาค Royal มี Persona หลายตัวที่ถูกปรับให้ไม่มีจุดอ่อน ทำให้จำเป็นต้องใช้การโจมตีแบบ Technical Damage ในการเอาชนะแทน ซึ่งก็ช่วยทำให้เกมท้าทายขึ้นมาบ้างสำหรับคนที่เคยเล่นมาก่อน เกมยังเปลี่ยนโครงสร้างและปริศนาภายในดันเจี้ยนทุกแห่ง และยังปรับปรุงการต่อสู้กับบอสในเกมให้แตกต่างจากภาคเก่าประมาณหนึ่ง โดยแม้ว่าอาจจะไม่ได้เยอะจนรู้สึกว่าทุกอย่างใหม่ไปหมด แต่ก็เพียงพอให้การเล่นเนื้อเรื่องซ้ำ (สำหรับคนที่เคยเล่นแล้ว)ไม่น่าเบื่อเท่าที่คิด องค์ประกอบสุดท้ายที่อยากพูดถึงคือดันเจี้ยนกลาง Mementos ที่เปิดให้ผู้เล่นเข้าไปสำรวจเมื่อไหร่ก็ได้ (ต่างจากดันเจี้ยนประจำเดือนที่เปิดให้สำรวจได้เฉพาะในเดือนนั้นๆ) ซึ่งถูกทำให้กลายเป็นแหล่งเก็บเลเวลและเงินชั้นดีด้วยระบบ Stamps ใหม่ ที่ให้ผู้เล่นเก็บสติ๊กเกอร์รูปดาวไปให้ NPC ใหม่ที่ชื่อว่า Jose เพื่อปรับผลตอบแทนที่ผู้เล่นจะได้รับในดันเจี้ยน (มีให้เลือกว่าจะรับเงิน EXP หรือไอเทมเพิ่มขึ้น) ทำให้ Mementos กลายเป็นแหล่งฟาร์มชั้นดี แต่ในขณะเดียวกันก็แอบทำให้การตะลุยดันเจี้ยนเนื้อเรื่องง่ายขึ้นเยอะ เพราะมีเงินซื้อไอเทมใช้ไม่ขาดมือ ◊ สรุป ◊ กล่าวโดยสรุปแล้ว Persona 5 Royal ถือเป็นภาคที่สมบูรณ์ที่สุด ของเกมที่ดีที่สุดเกมหนึ่งในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา ตราบใดที่คุณสามารถปรับความคาดหวังให้ถูกว่าเกมเป็นเกมแบบไหน เพราะถ้ากะซื้อมาเล่นส่วนการต่อสู้อย่างเดียว ก็คงจะไม่คุ้มเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบติดตามเนื้อเรื่องของเกมแบบยาวๆ หรือชอบเกมที่มีเนื้อหาลึกซึ้งกินใจ บอกเลยว่าไม่มีเกมไหนเหมาะกับคุณเท่า Persona 5 Royal แน่นอน สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!       [penci_review id="52265"]
08 May 2020
เบื้องหลังการดีไซน์ตัวละครใหม่ใน Persona 5 Royal
Persona นอกจากจะเป็นเกม RPG ที่ดูมีความล้ำสมัยแล้ว มันยังเป็นเกมที่โดดเด่นด้วยตัวละครที่มีเอกลักษณ์ในแต่ละภาค ซึ่งหากจะเรียกตัวเองว่าเป็นแฟน Persona ตัวจริง ก็จะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของคุณ Shigenori Soejima ผู้เป็น Character Design ประจำซีรี่ส์คนนี้ไม่ได้เลย และใน Persona 5 The Royal คุณ Shigenori Soejima ก็ยังได้รับหน้าที่เป็นผู้ดีไซน์ตัวละครเอกหญิงคนใหม่ ที่มีชื่อว่า Kasumi ที่จะมาร่วมผจญภัยกับกลุ่มจอมโจร Phantom Thieves ของเหล่าตัวเอกในเวอร์ชั่นนี้ ซึ่งการออกแบบตัวละครใหม่เพื่อให้มาเป็นหนึ่งในตัวละครหลักอีกคนนั้น จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง สามารถไปชมเบื้องหลังการออกแบบ Kasumi ของคุณ Shigenori กันได้เลย เมื่อต้องทำการออกแบบตัวละครใดก็ตาม คุณ Shigenori ก็จะคิดถึงไอเดียที่จะใช้ภายในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นอายุ, ความสัมพันธ์ของตัวละคร, เมื่อเข้าใจเรื่องราวพวกนั้นทั้งหมดแล้วจึงได้เริ่มดีไซน์ขึ้นมา ซึ่ง Kasumi เป็นนักเรียนมัธยมปลายที่มีความสดใส และมุ่งมั่นจริงจัง เธอเป็นรุ่นน้องของตัวเอก และอยู่ในชมรมของโรงเรียน แถมยังเป็นนักกีฬาอีกด้วย คุณ Shigenori จึงออกแบบให้ Kasumi มีความเคลื่อนไหวเหมือนยิมนาสติกลีลา เพื่อให้ดูมีอิสระและมีความคล่องตัวในสถานการณ์ต่างๆ คุณ Shigenori ได้ให้ความสำคัญกับทรงผมของตัวละครเป็นอันดับแรก ซึ่งทุกตัวละครที่เขาออกแบบนั้นจะไม่ได้มีต้นแบบมาจากเกมหรือการ์ตูน แต่จะมาจากรูปของคนอื่นที่เขาค้นหาเจอ ซึ่งไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างเช่น Kasumi นั้นเขาได้คิดว่าจะให้เธอไว้ทรงผม Ponytail เพราะเป็นทรงผมที่ดูน่ารัก ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นหน้าก็ตาม และลักษณะต้นแบบของเธอที่เขาได้เห็นรูปต้นแบบมาจากคนอื่นมา ก็ทำให้รู้สึกมีความเป็นการ์ตูนสาวน้อย และเป็นลักษณะของตัวละครที่ยังไม่มีในเกมภาคนี้ เมื่อได้ดูข้อมูลโปรไฟล์ตัวละครแล้ว คุณ Shigenori ก็เริ่มวาดคาซึมิจากทรงผมเป็นอย่างแรก โดนจะเริ่มร่างแค่ส่วนหน้าก่อน จากนั้นเขาก็ได้เติมผมที่ปิดลงมาที่หน้า เพื่อให้ดูเป็นเด็กผู้หญิงมากขึ้น และเนื่องจาก Kasumi เป็นตัวละครที่มีความสดใส ขนตาของเธอเลยอยู่ตำแหน่งที่สูง ถึงแม้ว่าจะโดนผมปิดหน้าจนมองไม่ค่อยเห็นก็ตาม และเพื่อให้เรียกตัวเอกว่า “รุ่นพี่” ได้อย่างมีชีวิตชีวา เลยต้องวาดดวงตาของเธอให้กลมโตและเปิดกว้าง การวาดดวงตานั้นอาจจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย แต่ก็ส่วนที่สำคัญมากที่สุด เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นถึงความรู้สึกของตัวละคร อย่างเช่นตัวเอกใน Persona 4 เมื่อเห็นแล้วก็จะรู้สึกได้ว่าเป็นตัวละครที่มีความสมาร์ท และทำให้ผู้เล่นที่เห็นภาพตัวละครแล้วจะเกิดความประทับใจได้ทันที ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นขั้นตอนแรกในการออกแบบหน้าตาของตัวละคร โดยที่ยังต้องไม่กำหนดว่าต้องมีตาหรือสีผมอะไรเลย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุดสำหรับการดีไซน์ Kasumi ก็คือทรงผม เพราะในตอนแรกนั้น คุณ Shigenori  ได้คุยกับคนเขียนบท ซึ่งได้มีการคิดบทไว้คร่าวๆ ว่า Kasumi อาจจะอยู่ชมรมว่ายน้ำ ทรงผมในตอนแรกของเธอที่วาดออกมาจึงสั้นมากๆ แต่ทุกคนก็ล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ตัวละครแบบนี้ขายไม่ออกแน่ๆ” จึงต้องมีการแก้ไขด้วยเปลี่ยนการดีไซน์ใหม่ทั้งหมด และ Kasumi ก็มีภาพลักษณ์ว่าผู้เล่นไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวของเธอมาก่อน แต่เพียงแค่เห็น Intro ก็จะทำให้รู้สึกได้ว่าเธอเป็นตัวเอกอีกคนหนึ่ง ไม่ว่าจะจากรูปร่างหน้าตา หรือชุดเครื่องแต่งกายก็ตาม ใน Persona 3 Portable ก็ได้มีการดีไซน์ตัวเอกหญิงเพิ่มขึ้นมาอีกคนเช่นกัน แต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่ Kasumi ไม่ใช่ตัวละครหลักในการดำเนินเรื่อง แต่เธอเป็นตัวละครใหม่อีกคนหนึ่ง ที่ได้มาเข้าร่วมกลุ่มจอมโจร Phantom Thieves ส่วนทางด้าน Persona ประจำตัวอย่าง Cendrillion ก็มีต้นแบบมาจากรองเท้าแก้วในเทพนิยาย และมีการออกแบบกระโปรงให้ดูมีพลังเวทย์ ด้วยการอ้างอิงดีไซน์มาจากในเทพนิยาย ซึ่งจะเห็นว่ามีส่วนที่ดูเหมือนกับไม้เลื้อยและฟักทองอยู่ ส่วนตรงอกนั้นความจริงแล้วเป็นนาฬิกา ซึ่งเป็นการแทนภาพลักษณ์ว่าสักวันหนึ่ง ช่วงเวลาที่ได้เป็นเจ้าหญิงจะหมดไป และเธอต้องเป็นตัวของตัวเองจริงๆ หลังจากนี้ คุณ Shigenori คาดหวังว่าถ้าหากอีก 10 ปี หรือ 20 ปี หลังจากนี้ เขาต้องเลิกวาดรูปไป ตัวละครของเขาก็จะมีคนอื่นนำไปวาดต่อไป ซึ่งทุกคนสามารถติดตามผลงานภาพl;pq และตัวละครที่มีสเน่ห์น่าหลงใหลของ คุณ Shigenori Soejima ได้ใน Persona Series และ Persona 5 The Royal ที่ได้วางจำหน่ายแล้ววันนี้ คลิปวิดีโอ
22 Apr 2020
Sony ยืนยัน "P5R, Days Gone และ Bloodborne จะลง PC" เป็นเรื่องเข้าใจผิด!
PlayStation 4 เป็นชื่อของเครื่องเล่นเกม ที่มีเกม Exclusive ดีๆ อยู่มากมาย ในช่วงหลังๆ มานี้ เราก็เริ่มได้เห็นเกมที่เคยประกาศว่าจะเป็น Exclusive ให้กับเครื่อง PS4 เริ่มถูกพอร์ตมาลงให้กับเครื่องอื่นๆ มากขึ้น ซึ่งมันได้สร้างความหวังให้กับเหล่าผู้เล่นบนเครื่อง Xbox หรือ PC มากๆ ว่า สักวันเราจะมีโอกาศได้เล่นเกมเหล่านั้นบ้าง แต่ล่าสุดดูเหมือนว่า ข่าวที่บอกว่า "Persona 5 Royal, Days Gone และ Bloodborne จะลง PC" จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ! เมื่อคืนนี้ บนเว็บไซต์ Amazon ฝรั่งเศส ได้มีการโพส์สินค้า ที่เป็นเกม PS4 Exclusive อย่าง Days Gone, Bloodborne หรือ P5R แต่มี Plate-Forme เป็น Windows ซึ่งมันทำให้เหล่าเกมเมอร์คาดหวังไปว่าเกมดังกล่าวจะลงให้กับเครื่อง PC จริงๆ แต่ล่าสุดก็ได้มีข่าวออกมาจากทางผ่านทาง IGN โดยได้รับการยืนยันจาก Sony แล้วว่า Days Gone กับ Bloodborne ไม่ได้จะลงให้กับเครื่อง PC นี้ต้องเป็นเรื่องผิดพลาดอะไรบางอย่างแน่นอน และในส่วนของเกม P5R เองก็ได้มีข่าวออกมาจากทาง PCGamer แล้วว่า Sega ก็ไม่รู้เรื่องเช่นกัน และพวกเขากำลังหาทางนำหน้าดังกล่าวออกไปจากเว็บไซต์ Amazon ฝรังเศสอยู่เช่นกันครับ Credit: PCGamer , IGN ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
16 Apr 2020
ทุกคนสามารถ เป็น Phantom Thieves จาก P5R ได้แล้ววันนี้บน Instagram!
Persona 5 Royal ว่างจำหน่ายมาได้ 2 อาทิตย์แล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าเกมภาคนี้ก็ยังคงได้รับคะแนนรีวิวที่ดีมากๆ เหมือนเดิม ซึ่งถ้าจะพูดถึงหนึ่งในจุดที่เด่นมากๆ ของเกมนี้ ก็คงจะเป็นในเรื่อง Character Design ของเหล่า Phantom Thieves ตัวละครหลักของเกม ที่เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีจริงๆ และเพื่อเป็นการเอาใจแฟนๆ ทางผู้พัฒนาก็ได้ทำการปล่อย Filters ตัวใหม่ออกมาบน Instagram ที่อนุญาตให้ใครก็สามารถเป็น Phantom Thieves ได้ครับ! Official ATLUS West ได้ทำการโพสต์ข้อความบน Twitter พร้อมวิดีโอที่บอกว่า "ตอนนี้ใครๆ ก็สามารถเป็น Phantom Thief ได้ด้วย Persona 5 Royal Instagram Filter" ซึ่งหน้ากากที่มีมาให้เราเลือกใส่ใน Filter ตัวนี้นั้น ก็มีถึง 6 แบบเลยทีเดียว  ถ้าหากใครสนใจก็สามรถลองเข้าไปเล่นกันดูได้ครับ รับชมวิดีโอดังกล่าวได้ข้างล่างนี้เลย Persona 5 Royal วางจำหน่ายแล้ววันนี้บนเครื่อง PS4 เท่านั้น https://twitter.com/Atlus_West/status/1250130660355796994?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1250130660355796994&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.siliconera.com%2Fpersona-5-royal-instagram%2F Credit: Siliconera ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
15 Apr 2020
สั้นยาวแตกต่างกัน ‘จำนวนเวลา’ นั้นสำคัญหรือไม่ในชิ้นงานวิดีโอเกม
‘เมื่อคุณนั่งอยู่กับสาวสวยสองชั่วโมง มันดูผ่านไปรวดเร็วเพียงไม่กี่นาที แต่เมื่อนั่งบนเตาไฟไม่กี่นาที มันดูยาวนานราวชั่วโมง’ ประโยคนี้ คือคำอธิบายสุดคลาสสิคของทฤษฏีสัมพัทภาพ (Theory of Relativity) อันเป็นหนึ่งในแนวคิดสำคัญของทฤษฏีฟิสิกส์ดาราศาสตร์ของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ สุดยอดนักวิทยาศาสตร์แห่งศตวรรษที่ 20 ที่ใช้บรรยายเรื่องยากให้สามารถเข้าใจได้อย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพได้ภายในประโยคเดียว (ตามวิสัยที่แกเป็นนักวิทยาศาสตร์สุดเฟื่องและขึ้นชื่อในเรื่องอารมณ์ขันอันรุ่มรวยที่ช่วยให้โลกวิทยาศาสตร์ไม่เป็นยาขมไหม้ในลำไส้ไปเสียก่อน...) แน่นอนว่าผู้เขียนไม่ได้จะพาคุณผู้อ่านไปทำความเข้าใจในเรื่องของฟิสิกส์ดาราศาสตร์ (เพราะมันคงกินโควต้าหน้าบทความจนเกินไป รวมถึงไม่มีความเข้าใจในเชิงลึกด้วยสติปัญญาที่แม้แต่ตารางธาตุก็ยังจำไม่ได้...) แต่กำลังจะเกริ่นนำถึงสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกได้ถึงเวลาที่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว ใช่แล้ว มันไม่ใช่สิ่งอื่นใด หากแต่เป็น ‘วิดีโอเกม’ ที่เรารักและคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี เหล่านี้ เป็นประสบการณ์ที่เราต่างพบเจอกับสภาวะเวลาไหลผ่านกันมาแล้วนักต่อนัก ไม่ว่าจะปรากฏการณ์ ‘ขออีกตา’ ในซีรีส์ Civilization ไปจนถึงการทุ่มเทเวลาอย่างสมบุกสมบันในเกมสวมบทบาทอย่าง The Elder Scrolls ในแต่ละภาค (ที่อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 40 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำในการจบหนึ่งรอบการเล่น ไม่นับการดัดแปลงด้วย Mod และเนื้อหาเสริมอีกจำนวนมหาศาลให้เลือกเล่น…) นั่นคือคุณสมบัติของวิดีโอเกมที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะต้องเคยผ่านมันมาบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อย กระนั้นแล้ว ภายใต้สภาวะการไหลผ่านของเวลาที่รวดเร็วโดยไม่รู้ตัวเมื่อพาตนเองจมอยู่กับความสนุกของชิ้นงานเกม มันได้กลายมาเป็นคำถามสำคัญว่า  แท้จริงแล้ว ‘ความยาว’ ที่เกมหนึ่งๆ ควรจะมีนั้น สำคัญมากน้อยแค่ไหนในโลกยุคปัจจุบัน? แน่ล่ะ เราอาจจะอนุมานเอาได้ว่า ยิ่งมากก็ยิ่งดี เมื่อพิจารณาในแง่ของความคุ้มค่าของชิ้นงานต่อราคาที่ผู้เล่นจะต้องจ่ายเพื่อให้ได้ความสนุกที่ว่า (ที่ราคาเกมออกใหม่ก็มักอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยในปัจจุบัน…) แต่มันก็ยังคงมีความลักลั่นอยู่ ภายใต้การหาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความยาวของเกม กับประสบการณ์ที่ผู้เล่นจะได้รับในชิ้นงานนั้นๆ (เพราะวิดีโอเกม คือสื่อความบันเทิงชนิดหนึ่ง การที่เราจะถือเรื่องจำนวนเป็นประกาศิตราวกับว่าเป็นแพ็คม้วนกระดาษชำระ ห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า หรือยกโหลน้ำยาปรับผ้านุ่มก็คงจะเป็นการเทียบที่ผิดฝาผิดตัวไปสักนิด…) เช่นนั้นแล้ว ความลักลั่นของคำถามเหล่านี้จะไปจบลงที่จุดไหน? และหนทางแบบใดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับชิ้นงานเกม? ผู้เขียนเองก็มีประสบการณ์การเล่นเกมมาไม่น้อย เคยผ่านเกมที่เล่นอย่างยาวนานซ้ำไปซ้ำมาด้วยจำนวนเวลานับร้อยชั่วโมง หรือประสบการณ์กับเกมอินดี้สัญชาติเบลเยียม ที่มีจำนวนเวลาการเล่นสั้นที่สุดเพียง 5 นาทีจบในสนนราคา 99 บาทไทย (และเป็นสิ่งที่จดจำลืมไม่ลงเพราะไม่เคยเจอชิ้นงานแบบ Experimental เช่นนี้มาก่อนในชีวิต เป็นความเหวอที่ฝังใจไปอีกนาน…) และได้ข้อสรุปกับตนเองเอาไว้อย่างหนึ่งว่า บางที จำนวนเวลาอาจจะไม่ได้สำคัญมากนัก ตราบเท่าที่มันยังมี ‘คุณภาพ’ ของการใช้เวลานั้นๆ ได้อย่างครบถ้วน เพราะไม่ว่าจะเวลานับพันกว่าชั่วโมงในรอบเจ็ดปีที่ผู้เขียนทุ่มเทลงไปในเกมออนไลน์อย่าง Final Fantasy XIV Online หรือเวลาไปกว่าสองร้อยชั่วโมงกับ XCOM2 ผ่านการเล่นซ้ำห้ารอบ ทั้งหมด ถ้าเราได้รับความสนุกจากมัน ถ้ามันเคารพเวลาที่เรามีให้ และเป็นความคุ้มค่าที่ผ่านการ Crafted เป็นอย่างดี และเป็นสิ่งที่ผู้สร้างได้พิจารณาแล้วว่า เป็นจำนวนเวลาที่เหมาะสมสำหรับประสบการณ์การเล่นนั้นๆ เรื่องจำนวนเวลาหรือความยาวเกมอาจจะไม่ใช่สาระสำคัญที่ต้องเอามาใส่ใจ กระนั้นแล้ว ไม่ใช่ทุกชิ้นงานจะสามารถเข้าถึงสมดุลระหว่างปริมาณและคุณภาพได้อย่างเหมาะสม หลายเกมเลยทีเดียว ที่โฆษณาตนเองเอาไว้ว่ามีจำนวนชั่วโมงการเล่นที่ยาวนานนับร้อยชั่วโมง ก็เป็นเพียงกิจกรรม Sandbox ซ้ำๆ หรือภารกิจที่น่าเบื่อหน่ายที่ถูกวนเวียนมาให้ทำอย่างไม่รู้จบ มีส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องที่ถูกใส่เข้ามาอย่างมากมายเพียงเพื่อจะได้เอามาทบเป็นจำนวนชั่วโมงที่ยาวนาน ให้ผู้ซื้อรู้สึกถึงความคุ้มค่าต่อราคาที่ต้องจ่ายไปมากที่สุด ที่กลับกลายมาเป็นความทรมานและไม่หลงเหลือสิ่งใดให้จดจำ หรืออยากจะกลับไปเล่นมันซ้ำอีกครั้ง (หรือที่สำนวนภาษาอังกฤษใช้ว่า wear out of ones welcome หรือนานเกินกว่าความจำเป็น...) แน่ล่ะ เรื่องของสนนราคาเองก็เป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาในความคุ้มค่าที่ผู้เล่นจะได้รับจากการจับจ่ายซื้อหามันมาเล่น (ที่นับวันจะยิ่งสูงขึ้นตามขนาดของอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด) แต่ก็อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น ถ้าเกมนั้นมีปริมาณความยาว เพื่อสักแต่ว่าจะยาว แต่เต็มไปด้วยคุณภาพที่ย่ำแย่ ปัญหาทางเทคนิคอย่างมากมาย หรือมีเนื้อหาที่น่าเบื่อหน่ายไม่ชวนให้จดจำ การจะทุ่มเทเล่นมันคงไม่ต่างอะไรกับการบำเพ็ญเพียรทุกกรกิริยาที่ไม่น่าจะพาเราไปถึงการรู้แจ้งอะไรมากมายนัก และเราก็คงรู้สึกเหมือนเอาเงินไปโปรยทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์เสียมากกว่า (และในทางกลับกัน เกมที่สั้นจนเกินงามในสนนราคาที่ไม่เหมาะสมก็ถือเป็นจำเลยในคดีนี้ได้อย่างไม่ต่างกัน...) อนึ่ง ผู้เขียนคงไม่ขอไปชี้ขาดตัดสินในเรื่องของการใช้เวลาอย่างมีคุณภาพของพี่ๆ เพื่อนๆ ผู้อ่านแต่ละท่านว่าจะเลือกใช้เวลาไปกับชิ้นงานใด หรือเกมไหน ที่มีความคุ้มค่าในจำนวนเวลาที่มันมอบให้ (เพราะมันเป็นเรื่องที่อัตวิสัยความคิดใครความคิดมันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว…) แต่สำหรับผู้สร้างแล้ว พวกเขาทั้งหลายต่างก็มุ่งหมายใจที่จะมอบประสบการณ์อันมีความหมาย ความสนุกสนานที่พร้อมจะมอบให้ และจำนวนเวลา ก็เป็นตัวแปรผันตรงที่ทีมสร้างได้พิจารณาเอาไว้แล้วว่า มัน ‘อาจจะ’ เหมาะสมภายใต้เงื่อนไขและโจทย์ดังกล่าว ซึ่งในบั้นปลายแล้ว ก็ต้องเป็นผู้เล่น ที่จะเป็นคนตัดสินว่า ความยาวที่ชิ้นงานเกมหนึ่งๆ ได้มอบให้ มีความสนุกคุ้มค่ามากแค่ไหน ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมเสริมอย่างราคาและคุณภาพของเกมการเล่น ในตอนนี้ ผู้เขียนพึ่งจบภารกิจของ Persona 5 Royal ด้วยจำนวนเวลา 140 ชั่วโมงไปหมาดๆ ซึ่งแม้ว่ามันจะยาว แต่ก็เป็นความยาวที่คุ้มค่า เป็นงานสร้างที่ผ่านการคิดคัดสรรค์เป็นอย่างดี เป็นงานระดับ ‘Crafted’ ชั้นเยี่ยมที่จะติดตรึงฝังทนในความทรงจำไปอีกนาน และวาดหวังเอาไว้ว่า Final Fantasy VII Remake ที่พึ่งได้แผ่นมา จะมอบประสบการณ์ที่ดีไม่แตกต่างกัน รวมทั้ง Resident Evil 3 Remake ที่ต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตารู้กับมือ ว่ามันจะคุ้มค่าแม้จะถูกครหาเรื่องเวลาการเล่นมากน้อยแค่ไหน เพราะเช่นเดียวกับทฤษฏีสัมพัทภาพของไอน์สไตน์ เราต่างพึงพอใจที่จะใช้เวลาที่มีคุณภาพไปกับสิ่งที่ดี ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม และให้ความบันเทิงเริงใจ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด นั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการเล่นวิดีโอเกม เพราะ ‘ความสนุก’ ก็ยังเป็นสิ่งที่ใช้ชี้ขาดได้ในบั้นปลายท้ายสุด ที่มันควรจะทำให้เรารู้สึกราวกับนั่งคุยกับสาวสวยที่ช่วยให้เวลาไหลผ่านอย่างรวดเร็ว มากกว่าต้องไปนั่งบนเตาไฟอย่างไม่รู้ว่าความทรมานที่แม้เพียงสักนาทีก็ถือว่าเกินกว่าจะทนได้จะจบลงเมื่อใด...  
13 Apr 2020
สรุปคะแนนรีวิวเกม Persona 5 Royal จากสื่อต่างประเทศ
หลังจากที่ทนดูคนญี่ปุ่นเล่นนำหน้าไปก่อนหลายเดือน ในที่สุดวันที่แฟนๆ เกม JRPG ทั่วโลกรอคอยก็มาถึงแล้ว กับวันวางจำหน่ายเกม Persona 5 Royal เกม JRPG ระดับตำนานฉบับปรับปรุงใหม่ ที่เพิ่มเนื้อหามากมายให้กับเกมที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดเกมหนึ่งในยุคคอนโซลปัจจุบันเลยทีเดียว แน่นอนว่าเมื่อมีการวางจำหน่ายเกมฟอร์มใหญ่แบบนี้ สื่อเกมหลายสำนักก็ออกมาเผยแพร่บทความและคะแนนรีวิวเกมภาคใหม่กันอย่างคึกคัก และเพื่อให้เพื่อนๆ เห็นภาพมากขึ้นว่าสื่อเกมหลายสำนักมีความเห็นต่อเกมอย่างไร เราจึงรวบรวมคะแนนรีวิวและความเห็นจากสื่อมาสรุปให้อ่านกันคร่าวๆ ก่อน ในระหว่างที่เรากำลังรีวิวเกมด้วยตัวเอง ในขณะที่ผู้เขียนกำลังเขียนบทความนี้ ในเว็บ Metacritic ได้มีการรวบรวมคะแนนรีวิวจากสื่อถึง 51 สำนัก และมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 95/100 คะแนน โดยมีสำนักสื่อเด่นๆ ให้คะแนนกันดังนี้: PlayStation Lifestyle: 100/100 Game Informer: 93/100 RPGamer: 90/100 Twinfinite: 90/100 DualShockers: 90/100 The Gamer: 70/100 ถ้าให้พูดกันจริงๆ คะแนนจากสื่อแทบทุกสำนักจะลอยตัวอยู่ที่ประมาณ 90 ขึ้นไป โดยสื่อแทยทุกสำนักกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเกม Persona 5 Royal สามารถพัฒนามาตรฐานเนื้อเรื่องและเกมเพลย์อันเป็นเลิศจากเกมภาคต้นฉบับขึ้นไปได้อีกระดับ แถมเนื้อหาที่เพิ่มมาใหม่ก็ยังช่วยเสริมประสบการณ์ของเกมให้ลึกยิ่งขึ้น รวมไปถึงเนื้อเรื่องช่วงท้ายที่เพิ่มใหม่ทั้งหมดในภาคนี้ ซึ่งทำให้ตอนจบของเกมน่าจดจำมากยิ่งกว่าเดิม มีเพียงสื่อสำนักเดียวคือ The Gamer ที่ดูจะไม่ได้ปลื้มใจกับเกมเท่าไหร่นัก โดยผู้เขียนรีวิวกล่าวว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่าเนื้อหาใหม่ๆ ช่วยเสริมประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วของภาคก่อนหน้าเท่าไหร่เลย แถมยังรู้สึกว่าเนื้อเรื่องส่วนที่เพิ่มมาไม่ได้มีความจำเป็น เหมือนผู้พัฒนาใส่ส่วนนี้เพื่อทำให้เกมมีความยาวเพิ่มขึ้นไปอย่างงั้นเอง ทั้งนี้ สื่อหลายๆ สำนักให้ความเห็นตรงกันว่าแม้เกม Persona 5 Royal จะพัฒนาองค์ประกอบของ Persona 5 ต้นฉบับได้มาก แต่สุดท้ายเนื้อเรื่องไม่น้อยกว่า 80% ของเกมก็ยังเป็นเนื้อเรื่องเดิม จึงอาจจะไม่ได้คุ้มค่าขนาดนั้นสำหรับคนที่เคยเล่นเกมดั้งเดิมไปแล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นนั้น ทุกสำนักออกความเห็นว่านี่เป็นโอกาสอันดี ที่จะได้สัมผัสกับเกม JRPG ระดับแนวหน้าในฉบับที่สมบูรณ์ที่สุดเช่นกัน แล้วรออ่านรีวิวจาก GameFever ได้เร็วๆ นี้จ้า! ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
31 Mar 2020
Persona 5 Royal ปล่อย Trailer ตัวใหม่ โชว์คะแนนรีวิวจากค่ายต่างๆ
ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วกับวันวางจำหน่าย Persona 5 Royal ซึ่งถ้าเกิดว่าเป็นคนที่เคยเล่น Persona 5 ธรรมดามาก่อนแล้ว คงจะไม่ต้องพูดอะไรมาก ก็สามารถเข้าใจความยอดเยี่ยมของเกมนี้ได้อยู่แล้ว การกลับมาอีกครั้งนี้พร้อมกับเนื้อเรื่องใหม่ และกราฟิกของเกมที่ถูกอัพเกรดขึ้นมานิดหน่อย รวมไปจนถึงพื้นที่ใหม่ๆ จึงเป็นอะไรที่ทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ส่วนสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนเลย Trailer ตัวใหม่ของเกมคงจะพอบอกเล่าถึงความยอดเยี่ยมของเกมนี้ได้ครับ! PlayStation ได้ปล่อยวิดีโอตัวใหม่ในชื่อ Accolades Trailer ซึ่งเป็นการโชว์คะแนน และคำพูดรีวิวเกมจากค่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น US Gamer, PlayStation Lifestyle, DualShockers ,Gameinformer และค่ายอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมในซีรีส์นี้มาก่อนเลยก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเนื้อเรื่องของเกมซีรีส์นี้ จะไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยในแต่ละภาค ยังไงช่วงนี้ก็ต้องโดนกักตัวอยู่แล้ว Persona 5 Royal ก็ดูเป็นตัวเลือกเอาไว้เล่นแก้เบื่อที่ดีครับ Persona 5 Royal จะวางจำหน่ายในวันที่ 31 มีนาคม 2020 นี้ บนเครื่อง PS4 เท่านั้น Credit: Gamingbolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
26 Mar 2020
แผ่น Persona 5 Royal (ENG) วางจำหน่ายล่วงหน้าแล้วในออสเตรเลีย
อีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก็จะถึงวันวางจำหน่ายของเกม Persona 5 Royal แล้ว น่าจะเป็นวันที่มีเกมเมอร์หลายคนเฝ้ารอคอย เพราะจะได้มีโอกาสสัมผัสฉบับปรับปรุงใหม่ของเกม JRPG ชื่อดัง ที่ได้รับการขนานนามให้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์ที่น่าจับตามองที่สุดในช่วงหลายปีมานี้ (ที่สำคัญคือเกมมีความยาวพอสมควร เล่นเพลินๆ ระหว่างกักตัวอยู่บ้านได้อีกนาน 555) แต่ล่าสุด ดูเหมือนว่าเกมเมอร์แดนจิงโจ้จะได้ส้มหล่นก่อนใครเพื่อน เมื่อร้านขายเกมเครือดังประจำพื้นที่ EB Games ได้ออกมาประกาศอย่างกระทันหันเมื่อวานนี้ว่าร้านจะเริ่มขายแผ่นเกม Persona 5 Royal แล้วตั้งแต่วันนี้ และให้ลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามร้านสาขาใกล้เคียงได้เลย Hey there, Persona 5 is available from today. We recommend reaching out to your local store directly to confirm their stock has been processed and is available for collection. - Mac — EB Games Australia (@EBGamesAus) March 25, 2020 ถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ร้านเกมเครือใหญ่อย่าง EB Games จะตั้งใจแหกกำหนดการวางจำหน่ายเกมของผู้พัฒนาเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้จัดจำหน่ายเกมเข้าอื่นๆ เอาอย่างกับเขาบ้างก็เป็นได้ ชาวไทยเราก็รอลุ้นกันว่าจะมีใครเอาของมาปล่อยล่วงหน้าบ้างไหม!!! Credit: Siliconera ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
25 Mar 2020
I am thou.Thou art I : จากมหาสมุทรแห่งวิญญาณสู่ปูมบันทึกแห่ง Persona 5 Royal
หมายเหตุ : บทความนี้ ผู้เขียนเคยเผยแพร่ในกลุ่ม Persona 5 Community Thai เมื่อประมาณสามปีก่อน แต่นำมาดัดแปลงเพิ่มเติม และนำเสนออีกครั้งเพื่อให้เข้ากับภาค Royal ที่กำลังจะวางจำหน่ายในเร็ววันใน ณ ขณะที่ผู้เขียนพิมพ์บทความชิ้นนี้อยู่ หมายเหตุ 2 : บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญอย่างเข้มข้น ผู้ที่อยากสัมผัสเรื่องราวด้วยตนเองโปรดหลีกเลี่ยง หรือใช้วิจารณญาณในการอ่าน *********************************************************************************************************** และแล้วคะแนน Metacritics ของ Persona 5 Royal ก็แทบจะไม่ผิดโผไปจากที่คาด ด้วยการกวาดคำชมจากทุกสำนักอย่างถล่มทลาย และมากกว่าภาคหลักที่วางจำหน่ายในปี 2017 ด้วยคุณภาพและเนื้อหาที่เติมเข้ามาจนล้นทะลักแบบคับแก้ว และขึ้นแท่นชิงตำแหน่ง RPG of the Year ไปแล้วล่วงหน้าแบบไม่ต้องถามหาความเห็นจากกรรมการท่านใดอีก สำหรับผู้เขียน ประสบการณ์ที่เคยได้รับจากเกมภาค 5 นั้นคือ ‘ครั้งแรก’ กับซีรีส์ Persona และความยอดเยี่ยมของมัน ก็ทำให้ตะบันเล่นจนแทบลืมอายุ ลืมเวลา กดไปแล้วกว่า 300 ชั่วโมงในสามรอบการเล่นที่แสนประทับใจ เพราะครบเครื่องไปด้วยเนื้อหาสุดเฉียบ อินเตอร์เฟซสุดล้ำ เกมการเล่นที่สร้างสรรค์ไร้รอยสะดุด และประเด็นแฝงอันละเมียดละไมของการเคลื่อนไหวทางสังคม เป็นผลงาน JRPG เพชรน้ำเอกจากทีม P-Studio ค่าย Atlus ที่ยากจะปฏิเสธหรือมองข้ามความสุดยอดเหล่านี้ไปได้ แน่นอนว่าในขณะที่ผู้เขียนพิมพ์บทความชิ้นนี้เพิ่มเติม ก็เหลือเวลาอีกสองสัปดาห์ ที่ภาค Royal จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มีนาคม ที่ก็เชื่ออย่างเหลือใจว่า คงจะได้กดจนลืมอายุ ลืมเวลากันอีกครั้ง ด้วยสัมผัสการเล่นที่ใหม่หมดจด และรสชาติที่อร่อยลิ้นสนุกมือสมค่ากับที่เฝ้าคอยตามหลังเวอร์ชันญี่ปุ่นถึง 6 เดือนเต็ม และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ซีรีส์ Persona นั้นน่าสนใจ ก็คงจะหนีไม่พ้นบรรดา ‘พลังแฝง’ หรือ Persona ของตัวละครหลัก ที่มีปูมหลัง เรื่องราว และที่มาที่ไปอันน่าสนใจ ที่ล้อไปกับตัวตนของตัวละคร ‘กองโจรขโมยใจ’ กลุ่มวัยรุ่นมากพลังและความฝันที่จะกำราบเหล่าคนพาล อภิบาลสังคมให้เป็นไปในทางที่ดี และนั่น จึงเป็นที่มาของการเผยแพร่บทความชิ้นนี้กันอีกครั้ง เพื่อต้อนรับการมาถึงของ Persona 5 Royal .... https://www.youtube.com/watch?v=vWWy7V9rCrA ทั้งนี้ ขอออกตัวกันก่อนล่วงหน้า ว่าบทความชุดนี้ เป็นเพียงการใช้ประสบการณ์งานเขียนเพื่อนำเสนอแง่มุมปลีกย่อยที่น่าสนใจในเชิงประวัติ ความเป็นมา และการอ้างอิงของข้อมูล Persona หลักๆ ที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า การหยิบจับ Trivia ของทีม Atlus ผู้สร้างนั้น สามารถต่อยอดไปสู่แง่มุมใหม่ๆ ที่อาจจะช่วยให้การเล่นมีสีสันขึ้น และเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่ได้มีเพื่อชี้ถูกผิด หากแต่เป็นไปเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ขยายมุมมองให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพราะมันก็ยังเป็นอะไรที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย... ว่ามหาสมุทรแห่งวิญญาณ (Sea of Souls) นั้น จะมีเรื่องราวอันใดที่อยากบอกกล่าวกันแก่เราบ้าง…. *********************************************************************************************************** //Arsene: จอมโจรปริศนา ผู้เข่นฆ่าความฉ้อฉล// “ปลดปล่อยความกราดเกรี้ยว สะบัดมีดจู่โจมศัตรูที่อยู่ตรงหน้า ออกเข่นฆ่าให้สาใจ พลังทั้งหมดข้าขออุทิศให้เพื่อเจ้า!!” Arsene ด้วยธีมหลักของภาคห้าที่ข้องเกี่ยวกับ ‘จอมโจร’ นี้เอง ที่ทำให้ Shigenori Soejima นักออกแบบตัวละครหลักของทีม Atlus ได้เลือกที่จะดัดแปลงหัวใจหลักของตัวละคร ‘จอมโจรพันหน้า’ สุดอมตะอย่าง อาร์แซนน์ ลูแปง (Arsene Lupin) จากอมตะนวนิยายของ มัวรีซ เลอร์บลังค์ (Maurice Leblanc) ให้กลายมาเป็น Persona หลักของตัวเอก อามามิยะ เร็น ผู้ฉีกกระชากหน้ากากของตนเอง เพื่อปลดปล่อยความแค้นคลั่งต่อความอยุติธรรม และนำส่งความยุติธรรมในรูปแบบและหนทางของตนเอง อนึ่ง แม้ Arsene Lupin จะเป็นตัวละครจอมโจรจากปลายปากกาของ Maurice Leblanc นักเขียนชาวฝรั่งเศสที่มีชีวิตในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 แต่เรื่องราวของอาร์แซนน์ ลูแปง จอมโจรพันหน้า ก็มีความคาบเกี่ยวกับการเป็นนักสืบกับคดีปริศนาอยู่ไม่น้อย เพราะซีรีส์นี้ ถูกให้ระดับความสำคัญเทียบเท่ากับยอดนักสืบ Sherlock Holmes ของ Sir Arthur Conan Doyle (ถึงขนาดที่มีเรื่องให้ขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะ Leblanc เคยจับสองคู่ปรับมาประจันหน้ากันในเรื่องสั้น Arsene Lupin vs Herlock Sholmes ที่ Leblanc ถึงกับต้องเปลี่ยนชื่อหนีเพื่อกันครหาเลยทีเดียว) แต่นอกจากการเป็นสุภาพบุรุษจอมโจรแล้ว เนื้อหาในเรื่องสั้นที่นำแสดงโดย Arsene Lupin นั้น หลายครั้งทีเดียวที่เกี่ยวข้องกับความเป็นแฟนตาซีและสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่น เทพเจ้าแห่งกัมมันตรังสี บ่อน้ำพุแห่งความเยาว์วัย จนถึงการต่อสู้กับ Josephine Balsamo หรือ Countess Cagliostro คนรักและคู่ปรับตลอดกาลของเขา แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ก็ต้องยอมรับกันโดยดี ว่าวีรกรรมจอมโจรสุภาพบุรุษ ผู้สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ปลอมแปลงเป็นได้ทุกคน มุ่งเป้าจารกรรมของมีค่าที่หมายตาไว้อย่างไม่มีพลาด และการส่งจดหมายสนเท่ห์ (Calling Card) เพื่อประกาศภารกิจของตนเองอย่างองอาจ ก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับความเป็นจอมโจรขโมยใจของ Persona 5 เช่นอามามิยะ เร็น หรือ Joker หัวหน้าทีมผู้นี้ก็เป็นได้ [Trivia] -แม้จะไม่มีการบันทึกอย่างเป็นทางการว่าต้นแบบของ Arsene Lupin นั้นมาจากที่ใด แต่กลุ่มนักวิชาการด้านวรรณคดีก็คาดกันว่า Leblanc ได้แรงบันดาลใจมาจาก Marius Jacob จอมโจรนักก่อความไม่สงบชื่อดังของฝรั่งเศส ที่มีความสามารถในการงัดแงะ โจรกรรม และมีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างล้นเหลือที่ก่อการอย่างอุกอาจในช่วงทศวรรษที่ 30 -มาถึงจุดนี้ ชัดเจนแบบไม่ต้องสืบ ว่าร้านคาเฟ่ Leblanc ของลุงโซจิโร่ ซากุระนั้น มีที่มาจากไหน -มังงะและอนิเมชันเรื่อง Arsene Lupin III หรือจอมโจรลูแปง ของ คาซุฮิโกะ คาโตะ (Kazuhiko Kato) หรือนามปากกา ‘Monkey Punch’ นั้น ไม่อาจใช้ชื่อ Lupin ได้ในช่วงแรกในฝั่งตะวันตกเนื่องจากติดลิขสิทธิ์จากงานเขียนของ Leblanc ซึ่งต้องใช้เวลานานนับทศวรรษทีเดียว กว่าที่ชื่อของ ‘จอมโจรลูแปงรุ่นที่สาม’ จะผงาดในโลกแห่งการ์ตูนระดับสากล -เดิมที ทางคุณ Katsura Hashino ตั้งใจจะให้ Persona ของอามามิยะ เร็นนั้น เป็นเทพมาร Mephistopheles แต่ล้มเลิกความคิด เมื่อไอเดียของ Arsene นั้น ดูเข้าท่าและเข้ากับธีมเกมมากกว่า -ใครสนใจอยากหาภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับสุภาพบุรุษจอมโจรนี้มาดู ลอง Arsene Lupin หนังฝรั่งเศสของผู้กำกับ Jean-Paul Salome มาดูกันได้ อาจจะหายากสักหน่อย เพราะตัวหนังนั้นเก่าแก่ตั้งแต่ปี 2004 เข้าไปแล้ว… *********************************************************************************************************** //Captain Kidd: โจรขบถผู้ปลดบังเหียน// “ไหนๆ ก็ถูกทำให้ชื่อแปดเปื้อนแล้ว ไม่สู้ชูธงแล้วล้างบางมันให้เหี้ยนไปเลยล่ะ? ธงกะโหลกไขว้คือสัญญาณแห่งตัวตนใหม่ของเจ้าอย่างไงล่ะ!” Captain Kidd ในบรรดาสัญลักษณ์ของ ‘ขบถ’ อันสุดคลาสสิคนั้น คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ‘โจรสลัด’ คือตัวแทนที่มีความชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย ท่ามกลางยุคสมัยแห่งการเดินเรืออันเฟื่องฟูช่วงศตวรรษที่ 17 ที่ดินแดนอเมริกากลางคือขุมทองแห่งใหม่ ผู้ที่แสวงหาโชค หาทางปลดบังเหียนตนเองจากการควบคุมของประเทศแม่อันกดขี่เพื่อชี้ชะตาตนเอง นี่คือภาพจำของโจรสลัดในรอบระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จากบรรดาสื่อชนิดต่างๆ ตั้งแต่วรรณกรรม ภาพยนตร์ และวิดีโอเกม และในบรรดาโจรสลัดผู้โด่งดังในยุคนั้น William Kidd หรือ Captain Kidd คือหนึ่งในตัวอย่างของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความอยุติธรรมแห่งระบบ จากนักเดินเรือผู้มีชาติตระกูลอันสูงส่ง เดินทางสู่แผ่นดินใหม่สร้างชื่อเสียงของตนเองในฐานะนักล่าโจรสลัด ก่อนที่อุบัติเหตุอันไม่คาดฝันจะทำให้เขาถูกตราหน้าจากทางการว่าเป็นโจรสลัด สิ่งที่เขาประกาศศึกมาค่อนชีวิต แต่แทนที่เขาจะยอมจำนนต่อโชคชะตา เขากลับโบกธงกะโหลกไขว้ โอบรับตัวตนใหม่ในฐานะจอมโจร และสร้างศักราชแห่งการปล้นชิงในยุคทองแห่งโจรสลัด (Golden Age of Piracy ) ร่วมกับเหล่าคนดังอาทิ เคราดำ Edward ‘Blackbeard’ Thatch, เทพโจรสลัดไร้เทียมทาน Batholomew ‘Black Bart’ Robert (ผู้จมกองเรือของทางการได้ถึง 250 ลำในตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ปฏิบัติการณ์ในย่านทะเลอเมริกาใต้), Jack ‘Caligo Jack’ Rackham และ Henry Every ก่อนที่เขาจะพ่ายแพ้การรบทางเรือ โดนส่งตัวกลับไปไต่สวนที่ประเทศอังกฤษ และตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอปิดฉากชีวิตในท้ายที่สุด และด้วยประวัติอันโลดโผนและจุดเริ่มต้นของการถูกทำให้แปดเปื้อน บวกกับบุคลิกอันโผงผางสไตล์คนจริงนี้เอง ที่ทำให้เป็นเหตุผลให้ทีมสร้าง เลือกที่จะใช้ Captain Kidd เป็นตัวแทนของ ซากาโมโตะ ริวจิ เจ้าหนุ่มหัวทองแห่งกลุ่มกองโจรขโมยใจ เพราะสำหรับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับชีวิตนักกรีฑาอย่างเขาโดยอาจารย์สุดฉ้อฉลนั้น ไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยให้เจ้าหนุ่มริวจิได้ระเบิดความพลุ่งพล่านได้ดีเท่ากับการ ‘เท’ ข้ออ้างทุกอย่างทิ้ง กระชากหน้ากากและโบกธงแห่งโจรสลัดเพื่อล้างบางทุกสิ่งที่ผ่านทางเข้ามาให้เหี้ยนเตียนราบเป็นหน้ากลองภายใต้ชื่อ ‘Skull’ ไอ้กะโหลกผู้บ้าคลั่งอีกแล้ว [Trivia] -นอกเหนือจากชีวิตอันโลดโผนของ William Kidd ตั้งแต่วีรกรรมปล้นชิงจนถึงวาระสุดท้ายในความตายจะเป็นที่กล่าวขานแล้ว ตำนาน ‘ขุมทรัพย์’ ของเขาก็เป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง และเชื่อว่า เขาอาจจะล่องเรือมาฝังขุมทรัพย์ไกลถึงฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณฝั่งเวียดนามเลยทีเดียว (ซึ่งแน่นอนว่า มีนักล่าขุมทรัพย์สองคู่หู Cork Graham และ Richard Knight หาเรื่องลองดีในปี 1983 ก่อนจะโดนทางการเวียดนามคุมตัวข้อหาเข้าดินแดนโดยผิดกฎหมาย เจอค่าปรับไปคนละ 10000 เหรียญสหรัฐฯ และนอนคุกอยู่ 11 เดือนโดยไม่พบขุมทรัพย์ไปตามระเบียบ…) -ใครสนใจวิดีโอเกมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ช่วงรุ่งเรืองของโจรสลัด ขอแนะนำ Assassin’s Creed 4 : Black Flag เพราะเล่นกับช่วงเวลาดังกล่าวได้อย่างเฉียบคมและเกมการเล่นก็ดีมากๆ เป็นอีกหนึ่งภาคที่ประสบความสำเร็จของ Ubisoft Montreal  *********************************************************************************************************** //Carmen: ยั่วเย้าด้วยเรือนกาย เพื่อเป้าหมายแห่งใจตน// “ใครกันล่ะที่จะชำระแค้นให้เพื่อนผู้น่าสงสารของเธอ? การให้อภัยไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป และไม่มีสิ่งใดที่จะถูกแก้ไขจากการอดทนข่มกลั้นเช่นนี้หรอกนะที่รัก…” Carmen ในโลกแห่งวรรณกรรมหลายต่อหลายชิ้น บุคลิกลักษณะตัวละครหนึ่งที่มักจะพบเห็นได้บ่อยครั้งอย่าง ‘หญิงโฉด (Femme Fatale)’ นั้น ดูจะเป็นความคลาสสิคที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ (เช่น ลิ้มเซียนยี้ สตรีงามใจทรามในมีดบินลี้คิมฮวงของโกวเล้ง) และ Carmen ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครหญิงโฉดที่แม้จะไม่คุ้นหูสำหรับคนไทยมากนัก แต่สำหรับระดับสากล เธอคือหนึ่งในสตรีโฉดตัวแม่ที่โด่งดังมายาวนานนับศตวรรษ Carmen เป็นตัวละครสมมติจากปลายปากกาของ พรอสแพร์ แมรีเม (Prosper Merimee) นักเขียนชาวฝรั่งเศส ก่อนจะถูกแปลงเป็นละครเวทีโดย ยอร์จ บีแซร์ (George Bizet) ในปี 1875 โดย Carmen นั้น คือสตรียิปซีผู้มีความงามอันยากจะละสายตา แต่มีจิตใจที่ริษยาและโหดเหี้ยม รวมถึงไม่หวั่นไหวในยามที่จะใช้เสน่ห์ของตนเองเพื่อล่อลวงให้บุรุษที่เธอหมายตา กระทำสิ่งที่เธอต้องการ ก่อนจะสลัดรักทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย แต่กระนั้น  Carmen ก็จัดได้ว่าเป็นตัวละครที่มีความเป็น Feminist สูงมากในแวดวงวรรณกรรม ทั้งจากพฤติกรรมการกินเหล้าสูบบุหรี่ ไม่ยี่หระต่อกฎเกณฑ์จารีตใดๆ จนถึงการยืนยันหนทางแห่งความเสรีของตนเอง ภายใต้โลกแห่งบุรุษเป็นใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ในยามที่เสียชีวิตจากคมดาบของชายที่รักเธอ (พร้อมวรรคทอง ‘Carmen จักเป็นผู้มีเสรีภาพตลอดไป [Carmen will always be Free]) และสำหรับสตรีโฉดผู้มีหัวใจอันเสรีเช่น Carmen พฤติกรรมจำต้องทนของ ทาคามากิ แอน หนึ่งในตัวละครของ Persona 5 นั้น ก็เป็นสิ่งที่เกินกว่าจะรับได้ การปลดปล่อย Persona ในโมงยามที่แอนได้ตระหนักว่า ไม่มีประโยชน์ใดจะเกิดขึ้นจากการยอมอยู่ภายใต้สภาวะจำทนจากบุรุษใจโฉดที่มุ่งหาประโยชน์และพรากทุกสิ่งไปจากเธอ คือฟางเส้นสุดท้ายที่เธอพร้อมจะสลัดหน้ากากของความกลัว ปลดปล่อยหัวใจที่พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองไปถึงเป้าหมาย ไม่มีหยุด ไม่มีรั้งรอใดๆ ทั้งสิ้น [Trivia] -แม้ Carmen จะถูกเขียนขึ้นโดยนักเขียนฝรั่งเศสอย่างแมรีเม แต่เรื่องราวทั้งสี่องก์นั้นจะยืนพื้นที่ประเทศสเปนเป็นหลัก ทั้งจากการที่ Carmen เป็นสาวยิปซี และฉากการสู้วัวกระทิงที่เป็นไฮไลท์หลักของละครเวทีในตอนท้าย -ละครเวที Carmen นั้น อาจจะถือได้ว่าเป็นการแหกขนบครั้งใหญ่ของแวดวงละครเวทีฝรั่งเศสในปี 1875 ทั้งจากพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรม (ตามมาตรฐานช่วงเวลา), ผู้หญิงกับชีวิตอันโลดโผนไม่เป็นกุลสตรี จนถึงความตายของตัวละครหลักในตอนจบ ที่ทำให้ละครเวทีเรื่องนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงเวลาที่มันได้ออกแสดงพักใหญ่ (และเป็นเหตุผลที่ทำให้ทั้งละครเวที กับนวนิยาย ได้รับความสนใจขึ้นมาในฐานะมิติใหม่ทางการบอกเล่าเรื่องราว) รวมถึงการไม่มีเส้นเรื่องที่ชัดเจนจากความคลุมเครือของนิยาย ทำให้มันเป็นละครเวทีที่มีรูปแบบไม่ซ้ำใคร ขึ้นกับการตีความของผู้จัดแสดงเป็นสำคัญ *********************************************************************************************************** //Goemon: ผู้เดินไต่ในเส้นทางแห่งความงดงามและสิ่งต่ำทราม// “โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยความงดงามและสิ่งต่ำทราม หมดเวลาที่จะหันหน้าไปทางอื่น จงลืมตามองความจริง และสั่งสอนพวกมันให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร!” Goemon ตำนานแห่งจอมโจรสุภาพบุรุษหัวขบถนั้น แน่นอนว่าย่อมถูกแต่งแต้มด้วยสีสันอันเร้าใจให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้สัมผัส (ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม) ซึ่ง อิชิคาวะ โกเอมอน ขุนโจรจอมขบถ ก็จัดได้ว่าเป็นวีรบุรุษแห่งตำนานพื้นบ้านของประเทศญี่ปุ่นที่ยังคงถูกขับขานอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แม้จะไม่ได้มีบันทึกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าอิชิคาวะ โกเอมอนผู้นี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาใด แต่ตำนานของเขาในฐานะจอมโจรผู้ก่อการปล้นทรัพย์สินจากคนรวยมาจุนเจือแก่คนจนและผู้ตกทุกข์ได้ยาก ก็นับว่าเพียงพอที่จะทำให้สถานะของเขาขึ้นสู่ความเป็นตำนาน  ยังไม่นับรวมกับความเชื่อที่ว่า เขาเกิดในฐานะลูกชายของตระกูลซามูไร ถูกผลักสู่จุดต่ำ ฝึกฝนวิชานินจาจากสำนักอิงะ และมีวิถีชีวิตอันโลดโผนมีสีสันในทุกครั้งที่เข้าปล้นชิง หรือแม้แต่การสละเวลาเพียงน้อยนิดเพื่อชื่นชมความงดงามของสิ่งละอันพันละน้อยรอบตัว (ดังเช่นที่มีในบทละครคาบุกิ Sanmon Gosan no Kiri ที่โกเอมอน นั่งบนประตูซันมอนแห่งวัดนันเซนจิ เอโดะ (หรือกรุงเกียวโตในปัจจุบัน) พลางละเลียดควันยาสูบจากกล้องเงินขนาดเขื่อง และชื่นชมสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ) แต่แน่นอนว่าชีวิตแห่งขุนโจรไม่เคยจบสวย เพราะเขาได้พบวาระสุดท้ายจากความพยายามที่ผิดพลาดในการลอบสังหาร โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ขุนศึกคนสำคัญแห่งยุคเซงโกกุ ที่ถูกตัดสินโทษตายด้วยการ ‘ต้มทั้งเป็น’ ในหม้อน้ำมันเดือดหน้าวัดนันเซนจิพร้อมลูกชายในบัญชาของโทโยโทมิ จนเป็นที่มาของ ‘หม้อน้ำเดือดโกเอมอน’ (ที่ภายหลัง เป็นอีกหนึ่งประเภทของการแช่น้ำที่ได้รับความนิยมโดยคนญี่ปุ่นทั่วไป) ชีวิตอันโลดโผน สายเลือดซามูไรในวิถีแห่งจอมโจร และวิสัยที่พร้อมรับกับความงดงามแต่ไม่ผ่อนปรนกับความอยุติธรรม และพร้อมจะลงทัณฑ์มันผู้ใดที่กระทำความชั่วช้า คือสิ่งที่สอดคล้องกับ คิตากาวะ ยูสุเกะ หนุ่มศิลปินหัวใจขบถ ผู้ซึ่งปลุก Persona ของตนเอง ในโมงยามที่เขาได้สัมผัสกับความเลวทรามที่ปิดซ่อนของ มาดาราเมะ อิชิริวไซ ผู้ที่เคยเป็นทั้งพ่อและอาจารย์ของตนเอง ซึ่งการเข้าหาวีรกรรมแห่งจอมโจรด้วยวิถีอันงดงามเช่นนี้ เหมาะสมกับหนุ่มศิลปินผู้นี้อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ [Trivia] -ภาพวาด ‘The Execution of Ichikawa Goemon’ ในช่วงศตวรรษที่ 19 จากปลายพู่กันของ Toyokuni Ichiyosai นี้ อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทีม Atlus เลือกที่จะให้เป้าหมายของยูสุเกะคือ มาดาราเมะ อิชิริวไซ (ด้วยชื่อที่คล้ายคลึง และภาพวาดของโกเอมอนในวินาทีสุดท้ายของชีวิต) -หน้ากากจิ้งจอกของยูสุเกะ ที่ถูกเรียกโดยฟุตาบะ ซากุระว่า ‘Inari’ นั้น มีที่มาจาก ‘Inari Okami’ เทพเจ้าจิ้งจอกแห่งการกสิกรรม อุตสาหกรรม พ่อค้า และนักตีดาบของลัทธิชินโต รวมถึงโกเอมอนที่มีพื้นเพชีวิตเป็นลูกซามูไร จึงไม่แปลก ที่เขาจะใช้ดาบคาตะนะเป็นอาวุธหลัก -เครื่องประดับประจำตัวของยูสุเกะอย่าง ‘พวงกุญแจเงิน’ นั้น อาจจะเป็นการออกแบบโดยใช้กุญแจเป็นสัญลักษณ์ในฐานะผู้แสวงหาคำตอบ ทางออก และในบทบาทจอมโจรขโมยใจที่ตามมาในภายหลัง *********************************************************************************************************** //Johanna: ราชินีขบถผู้ไร้บัลลังก์// “เธอค้นพบหนทางแห่งความยุติธรรมของตัวเองแล้วอย่างนั้นสินะ? จงจดจำวันนี้ไว้ อย่าให้มันหลุดหายไปจากจิตใจอีกเป็นอันขาด…” Johanna การกดขี่นั้นสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายระดับ ทั้งระดับการกระทำทางกายภาพ และการกดขี่ในเชิงระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกดขี่และความไม่เสมอภาคทางเพศ ที่ทำให้ผู้หญิงต้องลุกขึ้นสู้อย่างไร้หนทาง เดินตามระบบที่ผู้ชายเป็นใหญ่ แม้จะรู้อยู่กับใจว่าสิ่งเหล่านั้นไม่อาจรับประกันได้ถึงปลายทางที่น่าพึงพอใจ และความสำเร็จใดๆ ก็อาจจะถูกลบล้างราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น เช่นตำนานของ ‘โป๊บโยน’ ผู้ซึ่งดำรงในฐานะตำนานของพระสันตะปาปาหญิงเพียงองค์เดียวในประวัติศาสตร์คริสต์ศาสนาและวาติกัน ไม่มีการบันทึกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ตำนานของพระสันตะปาปาโยน (Pope Joan) นี้ เป็นที่กล่าวถึงและถูกเชื่อถือในช่วงศตวรรษที่ 16 โดยตำนานกล่าวว่า เธอคือสตรีที่มีความคิดและได้รับการศึกษาที่มากกว่าสตรีในยุคสมัยเดียวกัน ก่อนจะตัดสินใจปลอมตัวเป็นนักบวชเพื่อตามคนรักที่เข้ารีตศาสนจักร และไต่เต้าด้วยความสามารถจนรั้งตำแหน่งพระสันตะปาปา แต่ปลายทางของพระสันตะปาปาหญิงก็ไม่ได้ปิดฉากอย่างสวยงาม เมื่อความลับที่ถูกปิดเอาไว้มานานปีถูกเปิดเผย นั่นคือการพิพากษาชีวิตของเธอ และแม้จะถูกเชื่อถืออย่างมากในเรื่องราวดังกล่าวช่วงศตวรรษที่ 16 แต่ภายหลัง ตำนานแห่งโป๊บโยนก็ถูกตีความว่าเป็นเพียงเรื่องเล่า จากการศึกษาของทั้งฟากคาธอลิกและโปรเตสแตนท์ (แต่การกำหนดพิธีกรรมเพื่อให้แน่ใจว่าพระสันตะปาปาเป็นชายแท้ รวมถึงการทำลายรูปปั้นของโป๊บโยน ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ ดูมีเค้าความจริงมากยิ่งขึ้น) ความสามารถที่ถูกมองข้ามด้วยความไม่เสมอภาค การอดทนข่มกลั้นตัวตน และการเดินในเส้นทางของระบบที่ไม่อาจรับประกันปลายทางใดๆ คือสิ่งที่ นิอิจิมะ มาโกโตะ สาวแกร่งแห่งทีมจอมโจรขโมยใจจำต้องทน ก่อนที่เธอจะถูกผลักจนหลังชนฝา ขอสลัดทิ้งตัวตนที่เคยเป็นมา เพื่อปลดปล่อย Persona เช่น Johanna ที่พร้อมดับเครื่องชนอย่างเต็มสปีด ปิดฉากการจำยอมที่พึงกระทำมานานนับปีทิ้งไว้โดยไม่เหลียวหลังกลับมาอีกต่อไป [Trivia] -แม้จะมีการกล่าวถึงเรื่องราวของโป๊บโยนอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 16 แต่นักศาสนศึกษาก็ยังคงไม่อาจสรุปได้ว่านั่นเป็นเวลาที่แท้จริง เพราะแหล่งข้อมูลบางชุดก็กล่าวว่า ตำนานของโป๊บโยนนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 -Johanna ถือว่าเป็น Persona ตัวแรกในซีรีส์ที่เป็น ‘ยานพาหนะ’ รวมถึงชุดและหน้ากากของมาโกโตะ ที่เน้นความขบถแบบนักบิดมอเตอร์ไซค์โลกหลังหายนะ (ลุคที่ขัดแย้งกับตัวตนภายนอกโดยสิ้นเชิง) -สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวของโป๊บโยน สามารถหาชมได้จากภาพยนตร์เยอรมันเรื่อง Die Papstin (Pope Joan) ของผู้กำกับ Sonke Wortmann นำแสดงโดย … Johanna Wokalek นักแสดงหญิงชื่อดังขวัญใจชาวเยอรมัน (และการที่ชื่อของเธอมาโผล่ใน Persona อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด..ก็เป็นได้) *********************************************************************************************************** //Necronomicon: ความรู้ต้องสาป// “ความรู้ต้องห้ามได้ถูกเปิดเผยแล้ว และจะไม่มีความลับหรือการลวงหลอกใดจะมาทำให้เธอไขว้เขวอีกต่อไป…” Necronomicon หนึ่งในจักรวาลแห่งวรรณกรรมที่ดำรงความลึกลับ เติบโต และต่อยอดแทรกซึมเข้าสู่เรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติของฝั่งตะวันตก ย่อมไม่อาจขาดชื่อของ เอช พี เลิฟท์คราฟท์ (H.P.Lovecraft) นักเขียนชาวอเมริกันผู้ลึกลับ ที่ได้รจนาพื้นฐานของเรื่องสั้นสยองขวัญสั่น ‘จักรวาล’ ที่จะกลายมาเป็น ‘Cthulhu Mythos’ ในภายหลัง (แม้ว่าเขาจะสิ้นชีพวางวายจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม) และหนึ่งในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ลึกลับที่สุด เหนือยิ่งกว่าเหล่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติสยองของจักรวาลแห่ง Cthulhu นั้น ‘ตำราต้องสาป’ อย่าง Necronomicon ก็จัดเป็นแก่นกลางของวัฏจักรนี้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ Necronomicon คือวัตถุลึกลับที่เหล่าผู้ดำเนินรอยตามการเขียนนวนิยายสาย Lovecraftian ต่างยึดถือ ปฏิบัติ และนำมาร่วมเป็นส่วนประกอบในเรื่องราวของนวนิยายสายนี้อยู่บ่อยครั้ง ตามพื้นหลังที่มันถูกเขียนขึ้นโดย Abdul Alhazred ‘อับดุลผู้บ้าคลั่ง’ ตัวละครในเรื่องสั้น The Nameless City ที่บรรจุความรู้ของเหล่า Cosmic Being และความลับแห่งจักรวาล รวมถึงพิธีกรรมและการติดต่อกับสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ซึ่งว่ากันว่า ความรู้อันท่วมท้นและน่าสะพรึงกลัวของมัน มีความรุนแรงระดับที่ทำให้จิตใจของผู้คนปกติที่มีโอกาส (อันสุดซวย) ทอดสายตาเพียงหนึ่งหน้า ถึงขั้นเป็นบ้าวิกลจริตเสียสติอย่างไม่อาจมีทางย้อนคืนได้ (และแน่นอนว่า ภายใต้ความสิ้นหวังระดับจักรวาลของ Cthulhu Mythos นั้น ตำราต้องห้ามอย่าง Necronomicon ก็ได้มีโอกาสทำลายสติของตัวเอกในเรื่องสั้นหลายต่อหลายเรื่องอย่างมีประสิทธิภาพ…) สำหรับสาวน้อยนักเจาะระบบหนึ่งเดียวแห่งทีมจอมโจรขโมยใจเช่นซากุระ ฟุตาบะ นั้น การที่มีความรู้ในโลกไซเบอร์ราวกับฝ่ามือ ความเชี่ยวชาญในการเจาะเข้าระบบอันลึกลับของ Metaverse และ Mementos รวมถึงอัจฉริยภาพที่ส่งผ่านจากอิชิกิ วาคาบะ ผู้เป็นแม่ ที่ศึกษาศาสตร์แห่ง Cognitive Science จะมี Persona ใดที่เหมาะสมสำหรับเธอเท่ากับ ‘ตำราต้องสาป’ เล่มนี้อีกหรือ? [Trivia] -ฉากการปลุก Persona ของฟุตาบะนั้น เป็น Easter Egg ที่อุทิศให้กับ Call of Cthulhu อย่างชัดเจน อย่างน้อยๆ กับ ‘หนวดปลาหมึก’ ที่เป็นสัญลักษณ์ของ Cthulhu ‘The Great Old One’ ที่เหล่าแฟนๆ ต่างคุ้นเคยกันดี -ฟุตาบะเป็นคนเดียวที่ปลุก Persona โดยไม่ผ่านขั้นตอนการกระชากหน้ากาก อาจจะด้วยเหตุผลว่า แท้จริง เธอรู้อยู่ลึกๆ ว่าสิ่งใดที่เป็นความจริง รวมถึง Necronomicon ที่ไม่อาจปิดบังความจริงใดจากเธอได้อีกต่อไป -ชื่อรหัส Oracle ของฟุตาบะนั้น นอกจากจะเป็นการอุทิศให้กับตัวละคร Oracle หรือ Barbara Gordon กับบทบาทของเธอในซีรีส์ Batman แล้วนั้น ตำแหน่ง Oracle ในสมัยโบราณคือ ‘เทพพยากรณ์’ ทางศาสนา ที่จะชี้หนทางให้แก่ผู้ศรัทธาตามวาระ เช่นเดียวกับที่บทบาทนี้เคยเป็นในไตรภาค The Matrix ของสองพี่น้องวาชาวสกี้ *********************************************************************************************************** //Milady: แรงปรารถนา กับการทรยศอันงดงาม// “ตัดสินใจได้เสียทีนะ องค์หญิงที่รักของชั้น รู้แล้วใช่มั้ย ว่าอิสรภาพที่แท้จริง มันย่อมก่อกำเนิดจากการทรยศอันงดงาม เช่นนั้นแล้ว อย่ามัวแต่ลังเลใจอยู่เลย” Milady การทรยศหักหลัง อาจจะเป็นพฤติกรรมที่มีความคลุมเครือมากที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษยชาติ นั่นเพราะหลายครั้ง การกระทำตามใจปรารถนาเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ อาจจะเป็นความขัดแย้งและการหาประโยชน์จากแนวทางของผู้ที่เกี่ยวข้อง และเมื่อการทรยศมาผสมรวมกับความโหยหาในอิสรภาพจากการกดขี่ของระบบ ภายใต้กลเกมการเมืองและชนชั้นนำเป็นใหญ่แล้ว นั่นจึงเป็นวัตถุดิบที่ดีในการสร้างตัวละครที่มีมิติและสีสัน เช่นเดียวกับ Milady หนึ่งในสตรีโฉดคนสำคัญแห่งนวนิยายอมตะ สามทหารเสือ (The Three Musketeers) ของอเล็กซองดร์ ดูมาส์ (Alexandre Dumas) นักเขียนชื่อดังชาวฝรั่งเศส ท่านหญิง Milady de Winter เป็นชื่อของตัวละครหญิงที่มีบทบาทสำคัญในฐานะศัตรูผู้ลึกลับที่ชักใยอยู่เบื้องหลังและขัดขวางการผจญภัยของสามทหารเสือ ทั้งการเป็นสายลับให้กับพระราชาคณะ Richelieu ในกลเกมการเมืองเพื่อก่อสงครามระหว่างดยุคแห่งบัคกิ้งแฮมและพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสาม, การประสงค์ร้ายต่อเอธอส หนึ่งในสามทหารเสือผู้เป็นอดีตสามี และดาร์ตาญัง ทหารเสือตัวเอกของเรื่องที่พบว่า เธอถูกตีตรา Fleur-De-Lis ในฐานะอาชญากรคนสำคัญ รวมถึงการทรยศหักหลังผู้คนที่ผ่านทางมาเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ก่อนที่สุดท้าย จะถูกประหารด้วยการบั่นคอชดใช้อาชญากรรมที่ก่อไว้ การทรยศหักหลังอาจเป็นความต่ำทรามในสายตาของระบบและความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน แต่สำหรับโอคุมุระ ฮารุ คุณหนูแห่งบรรษัทโอคุมุระ ผู้ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากผู้เป็นพ่อในฐานะสินทรัพย์ชิ้นหนึ่งเพื่อไต่บันไดแห่งการเมือง ไม่มีหนทางใดที่เธอจะสลัดหลุดออกจากวังวนเหล่านี้ นอกจากต้องกล้ำกลืนความรู้สึก และ ‘ทรยศ’ ต่อหนทางที่ถูกกำหนดไว้ ปลดปล่อยตัวตนสู่ Persona เพื่อสร้างเส้นทางแห่งอิสรภาพของตน [Trivia] -Milady ที่เป็น Persona ของฮารุนั้น ไม่มีใบหน้าที่ชัดเจน เป็นการสะท้อนถึงตัวตนของ Milady de Winter ที่ไม่อาจมีใครรู้ได้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใคร -การนาบเหล็กตีตรา Fleur-De-Lis นั้น ไม่ได้มีหลักฐานที่ปรากฏขึ้นจริงนอกจากในนวนิยายสามทหารเสือ (ที่ผู้ถูกประทับนาบตราจะถูกเรียกขานว่า Fleurdeliser) อีกทั้งลัญจกร Fleur-De-Lis ยังเป็นสัญลักษณ์ที่แทนความเป็นเชื้อพระวงศ์ และสัญลักษณ์ของลูกเสือสามัญ (อากีล่า จงทำดี จงทำดี จงทำดี…) แต่กระนั้น การนาบตราประทับอาชญากร ก็เป็นสิ่งที่กระทำอย่างแพร่หลายในช่วงศตวรรษที่ 16 (เช่น การนาบตรา A จากคำว่า Adultery สำหรับผู้ที่กระทำผิดศีลธรรมคบชู้ เป็นต้น) *********************************************************************************************************** //Zorro: จอมโจรผู้ว่องไว ผู้เก็บไว้ซึ่งตัวตน// “นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะพึงปฏิบัติตัวให้สมกับจอมโจรขโมยใจ!” Morgana “ผู้พิทักษ์ใต้หน้ากาก (Mask Vigilante)” อาจจะถือเป็นสาขาหนึ่งที่แตกไลน์ออกจากสุภาพบุรุษจอมโจร ภายใต้วิถีปฏิบัติที่ใกล้เคียงกัน การปิดบังตัวตน การอยู่ตรงข้ามกับผู้คุมกฎระเบียบอันไม่ชอบธรรม และมุ่งหมายอภิบาลผู้ตกทุกข์ด้วยวิถีทางของตน และผู้พิทักษ์หน้ากากที่เป็นตำนานมายาวนานมากว่าศตวรรษ คงยากที่หนีชื่อของ Zorro ไปได้ Zorro หรือหน้ากากซอร์โร คือตัวละครผู้พิทักษ์หน้ากากผู้ลึกลับ ที่ถูกสร้างขึ้นจากปลายปากกาของจอห์นสตัน แมคคัลเลย์ (Johnston McCulley) ยอดนักเขียนระดับบรมครูของสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มเดบิวบทบาทของตนเองในเรื่องสั้นห้าตอน The Curse of Capistrano ก่อนจะขยายบทบาทไปสู่เรื่องสั้นซีรีส์ของตนเอง กับการผจญภัยของ Don Diego de la Vega คหบดีใหญ่เชื้อสายแคลิฟอร์เนียน/เม็กซิกัน ผู้รุ่มรวยเจ้าเสน่ห์ แต่กลับมีอีกโฉมหน้าคือหน้ากาก Zorro ผู้พิทักษ์ชาวบ้านที่ถูกกดขี่โดยทางการสเปน ในช่วงเวลาที่แคลิฟอร์เนียยังอยู่ภายใต้การปกครองของเม็กซิโก
22 Mar 2020
5 เหตุผลที่ทำให้ Persona 5 เป็น JRPG ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
ท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เกม Action ก็ได้เป็นสิ่งที่เข้าถึงผู้เล่น และกลายเป็นแนวเกมที่ผู้ผลิตเลือกนำมาพัฒนามากขึ้น แม้แต่เกม RPG ฟอร์มยักษ์ก็ยังพยายามเปลี่ยนแนวไปเป็นเกม Action เพื่อทำตลาดทั่วโลก ทำให้ความเป็น JRPG หรือสเน่ห์ของเกม RPG แบบญี่ปุ่นเริ่มจางหายไปทีละเล็กละน้อย แต่ Persona 5 กลับเป็นหนึ่งในเกม JRPG ในยุคปัจจุบัน ที่ถึงแม้จะยังคงรูปแบบการเล่นที่ดูล้าสมัย แต่กลับสร้างสรรค์ความสนุกแบบเกมสมัยใหม่ จนกลายเป็นเกมที่ถูกพูดถึงและสร้างความนิยมไปได้ทั่วโลก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เกม JRPG ในสมัยนี้จะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ แต่อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ Persona 5 เป็นที่รู้จักและชื่นชอบกันได้ถึงขนาดนี้ เราลองมาดูเหตุผลทั้ง 5 ข้อกันเลย! 1. Art Work ภาพประกอบที่สวยงาม นับตั้งแต่ Persona 3 เป็นต้นมา ซีรี่ส์ Persona ก็ได้มีการใช้โทนสีของแต่ละภาคอย่างชัดเจน โดยเริ่มจาก Persona 3 เป็นโทนสีฟ้า Persona 4 เป็นโทนสีเหลือง จนกระทั่งมาถึง Persona 5 ก็ใช้ภาพในดทนสีแดง และได้มีการยกระดับของภาพประกอบในเกมไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นกราฟฟิคของเกมที่สวยงาม ที่มีการใช้สีแดงตัดกับสีดำได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่เพียงแต่ภาพประกอบหรือกราฟฟิคของเกมที่พัฒนาให้เข้ากันอย่างเหมาะสม ก็ยังมีการดีไซน์จัดวาง UI คำสั่งเมนูต่าง ๆ ของเกม ที่เป็นเทคนิคการใช้ภาพที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวมากอีกด้วย ด้วยภาพลักษณ์ที่ถ่ายทอดเสน่ห์ของเกมออกมาได้อย่างลงตัวแบบนี้ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าจะเห็นกี่ครั้งแล้ว ก็จะต้องรู้สึกว่าภาพประกอบของเกมนี้มันเท่สุด ๆ ไปเลย! 2. Soundtrack เพลงประกอบที่ติดหู ส่วนประกอบอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเกม RPG ก็คือเพลงประกอบอันไพเราะหรือมีความโดดเด่นที่ฟังแล้วติดหูได้ทันที ซึ่งในขณะที่เพลงภาคก่อน ๆ ก็มีเพลงประกอบที่ดีแล้ว Persona 5 ก็มีเพลงเด็ด ๆ มาให้ได้ฟังกันมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว! ถ้าเป็นคนที่เล่นเกมได้ฟังแล้วก็จะนึกถึงได้เลยว่าเพลงนี้เป็นฉากไหน หรือเป็นบรรยากาศไหนตอนไหน อย่างน้อยต่อให้เป็นคนที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อน แต่ถ้าลองได้ฟังเพลงอย่าง “Last Surprise” หรือ “Wake up, Get up, Get out there” ก็เชื่อว่าจะสามารถจดจำติดหูได้อย่างแน่นอน 3. Gameplay ระบบการเล่นที่ไม่ตกยุค ในขณะที่ปัจจุบัน ผู้เล่นส่วนใหญ่ล้วนเข้าถึงและสนุกกับการเล่นเกมแบบ Action กันมากขึ้น แต่ Persona 5 กลับเป็นหนึ่งในเกมยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นเกม RPG เอาไว้ และยังคงใช้ระบบการเลือกคำสั่งโจมตีแบบ Turn Base เหมือนเดิม เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ระบบการเล่นของเกมนั้นสนุกได้แบบไม่ตกยุค คือสปีดการเล่นของเกมเพลย์ที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และมีเอฟเฟ็คต์การต่อสู้ที่มีสันฉูดฉาดน่าตื่นตาตื่นใจ ยิ่งรวมกับเพลงประกอบที่โดดเด่นด้วยแล้ว ทำให้ถึงแม้จะเป็นการเล่นที่ต้องเลือกคำสั่ง แต่ด้วยความที่มีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้ผู้เล่นรู้สึกตื่นตัวตลอดเวลาและไม่รู้สึกชวนหลับเหมือนเกมอื่น ๆ เลยสักนิดเดียว 4. Story เรื่องราวที่น่าติดตาม แน่นอนว่าจุดเด่นของเกม JRPG คือการมีเนื้อเรื่องที่สนุกสนานให้ติดตาม โดยเนื้อเรื่องของ Persona 5 จะเกี่ยวกับกลุ่มจอมโจร Phantom Thief ที่มีความสามารถในการช่วงชิงหัวใจของผู้อื่น จนเกิดเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ของสังคม ซึ่งตัวเกมก็ยังคงจุดเด่นที่เหล่าตัวเอกจะอยู่ในช่วงนักเรียนมัธยมปลาย จึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนได้ง่าย เพราะผู้เล่นจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันที่สนุกสนานเหมือนเด็กนักเรียนได้ด้วย และยังมีการผสมผสานความดาร์คแฟนตาซีผ่านทางพลังพิเศษที่เรียกว่า Persona ได้อย่างลงตัว อีกทั้งเนื้อเรื่องของเกมในภาคนี้ก็ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงมากขึ้น ทำให้มีการสะท้อนสังคมในชีวิตจริงได้แบบกล้าเล่นอีกด้วย ซึ่งแนวเรื่องของการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากการถูกกักขังในภาคนี้ ก็เหมือนกับเป็นสิ่งที่สะท้อนการต่อสู้ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว 5. Character Design ตัวละครที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ และสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกมเป็นที่รู้จักและสนใจกันได้นั้น ก็คือ Character Design นั่นเอง เพราะหากลองนึกดูแล้ว จะเห็นได้ว่าหลาย ๆ เกมดังทั้งหลายนั้น ก็ล้วนแต่มีการดีไซน์ตัวละครที่โดดเด่นเข้ากับเกมของตัวเองกันทั้งนั้น ซึ่งนอกจากตัวละครเพื่อนพ้องในภาคนี้แล้ว ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าตัวละครหลักอย่าง Joker นั้นเป็นตัวละครที่ดีไซน์ออกมาได้ดีมาก ถึงแม้จะดูมีความเรียบง่าย แต่ก็ทำให้แม้แต่คนที่ไม่รู้เคยจักเกมมาก่อน ก็ยังสามารถรู้สึกคุ้นเคยหรือเคยเห็นกันมาก่อนได้ เพราะแค่เห็นตัวละคร Joker ก็สามารถรู้กันได้เลยว่ามาจากเกม Persona 5 เพราะงั้นการที่สามารถทำให้คนอื่นรู้จักเกม เพียงแค่เห็นตัวละครหลักตัวเดียวแล้วรู้ว่าเป็นใครมาจากเกมอะไรได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร้จในการดีไซน์ตัวละครของเกมนั้น ๆ แล้ว โดยรวมแล้วจะเห็นว่าทุกสิ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่ทุกเกมล้วนมีกันทั้งนั้น แต่การทำอย่างไรให้องค์ประกอบพื้นฐานนั้นสามารถแสดงออกมาผ่านทางตัวเกมได้อย่างยอดเยี่ยมมากที่สุด นั่นก็เป็นความสามารถของผู้พัฒนาแต่ละเกมและแต่ละฝ่าย ซึ่ง Persona 5 ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามันสามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก จึงทำให้นี่เป็นเกม JRPG ที่เคยได้รับรางวัลเกมแห่งปีของประเทศญี่ปุ่น และกลายเป็นเกมที่ได้รับเสียงตอบรับจากเกมเมอร์ทั่วโลกเป็นอย่างมาก ส่วนใครที่ยังไม่เคยลิ้มรสความสนุกของเกม ก็สามารถติดตามเล่น Persona 5 The Royal ที่มีทั้งการเพิ่มตัวละคร เนื้อเรื่อง และระบบใหม่ ๆ เข้ามามากมายจากเวอร์ชั่นดั้งเดิมให้สมบูรณ์มากขึ้น ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษที่จะวางจำหน่าย 31 มีนาคมนี้ครับ
20 Mar 2020
Persona 5 Royal ชวนคุณมาเปลี่ยนโลกในตัวอย่างใหม่
ถ้าพูดถึงเกม JRPG ที่โดดเด่นที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เชื่อว่าหนึ่งในเกมที่จะได้รับการกล่าวถึงก็คือ Persona 5 ด้วยความนิยมอันล้นหลามของเกม ก็คงไม่น่าแปลกใจที่ผู้เล่นหลายๆ คนจะให้ความสนใจกับการวางจำหน่ายของเกมฉบับปรับปรุงใหม่อย่าง Persona 5 Royal ที่เพิ่มเนื้อหาและระบบเกมเพลย์ใหม่ๆ เข้าไปสู่เกม JRPG ระดับแนวหน้านี้ ล่าสุด ทางผู้พัฒนา Atlus ก็ได้ปล่อยตัวอย่างใหม่ของเกมภาคภาษาอังกฤษออกมาให้ชมกันอีกครั้ง โดยในคราวนี้จะพูดถึงแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงโลกของเหล่าตัวเอก ในฐานะกลุ่มโจรขโมยใจ (Phantom Thief) นั่นเอง สำหรับคนที่อาจจะตกข่าว เกม Persona 5 Royal คือภาคปรับปรุงใหม่ของเกม Persona 5 (ลักษณะเดียวกับเกม Persona 4 Golden ของเครื่อง PS Vita) ซึ่งเพิ่มเนื้อหาเกมเพลย์ใหม่ๆ เข้าไปมากมาย ตั้งแต่การยืดเนื้อเรื่องของเกมให้ยาวขึ้น การเพิ่มตัวละครเพื่อนร่วมทีมใหม่ Social Link ใหม่ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย Persona 5 Royal (ภาคภาษาอังกฤษ) จะวางจำหน่ายวันที่ 31 มีนาคมนี้สำหรับ PS4 โดยเฉพาะ Credit: Siliconera ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
13 Mar 2020
10 เกม PC/Console น่าเล่นประจำเดือนมีนาคม 2020
ผ่านมาแป๊บเดี๋ยวก็เข้าสู่เดือนที่ 3 ประจำปี 2020 แล้ว นับว่าวันเวลาผ่านไปเร็วมากสำหรับหลาย ๆ คน โดยเดือนนี้เดิมทีเป็นเดือนที่จะมีเกมใหญ่ ๆ ออกมามากมายแต่ก็ถูกเลื่อนไปอย่างน่าเสียดาย แต่อย่างไรก็ตามเดือนนี้ยังคงมีเกมน่าเล่นให้เหล่าเกมเมอร์ได้ลองหามาเล่นกัน 1.Murder by Numbers - 3 มีนาคม แพลตฟอร์ม PC, Nintendo Switch เปิดต้นเดือนมาก็มีหนึ่งในเกมอินดี้น่าสนใจกับ Murder by Numbers เกมแนวสืบสวนสอบสวนผสมกับแก้ไขปริศนา ที่ว่าด้วยเรื่องราวของเมือง Los Angeles ในปี 1996 เมื่อ Honor Mizrah นักแสดงชื่อดังจากซีรีส์นักสืบต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีปริศนาเสียเอง โดยต้องร่วมมือกับหุ่นยนต์ SCOUT ในการแก้ไขปริศนานี้ ตัวเกมมีกราฟิกที่สวยงามในสไตล์ของแอนิเมชั่น พร้อมกับได้นักแต่งเพลงชื่อดังอย่าง Masakazu Sugimori มาแต่งเพลงให้อีกด้วย 2.Pokemon Mystery Dungeon: Rescue Team DX - 6 มีนาคม แพลตฟอร์ม  Nintendo Switch เกมต่อมาเป็นหนึ่งในเกม Pokemon ที่หลาย ๆ คนรอคอยกับ Pokemon Mystery Dungeon: Rescue Team DX  ที่เป็นภาครีเมคของ Pokémon Mystery Dungeon: Blue Rescue Team/Red Rescue Team ซึ่งเคยวางจำหน่ายเมื่อหลายปีมาแล้ว โดยในภาคนี้ตัวเกมยังคง Concept เดิมแต่ได้มีการพัฒนาในด้านของกราฟิกให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มรายละเอียดอื่น ๆ อีกมากมายอย่าง Mega Evolved Pokémon อีกด้วย ใครที่อยากจะย้อนความหลังก็ลองหามาเล่นกันได้ 3.Ori and the Will of the Wisps - 11 มีนาคม แพลตฟอร์ม PC, Xbox One หลังจากที่เกม Ori and the Blind Forest ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย พร้อมทั้งมีชื่อถูกเข้าชิงและได้รับรางวัลจากหลาย ๆ เวทีในที่สุดภาคต่อของเกมนี้ก็มาในชื่อ Ori and the Blind Forest ที่ยังคงรูปแบบการเล่นแบบ Action - Adventure แต่ได้อัปเกรดในส่วนของกราฟิก เสียงดนตรีประกอบให้ดีขึ้นไปอีกขึ้น เป็นหนึ่งในเกมที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง 4.MY HERO ONES JUSTICE 2  - 13 มีนาคม แพลตฟอร์ม PC, Xbox One, PlayStation 4 จากการ์ตูนชื่อดังสู่เกมต่อสู้สุดเร้าใจ MY HERO ONES JUSTICE 2 ถือว่าเป็นภาคต่อที่ได้รับการพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นตัวละครใหม่ ๆ ระบบการต่อสู้แบบ 2v2 ระบบฉากที่สามารถถูกทำลายได้ การตกแต่งตัวละครที่หลากหลายและอื่น ๆ อีกมากมาย แฟน ๆ ของการ์ตูนเรื่องนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด 5.Nioh 2 - 13 มีนาคม แพลตฟอร์ม PlayStation 4 เกมต่อมาเอาใจเกมเมอร์สาย Hardcore ที่ชอบเสพติดความยากและความท้าทายกับ Nioh 2 เกมแนว Action / RPG ที่จะนำคุณเข้าสู่ตำนานลึกลับของประเทศญี่ปุ่น ที่คุณต้องเอาชีวิตรอดออกมาให้ได้ ตัวเกมได้มีการพัฒนาขึ้นจากภาคแรกทั้งในเรื่องของระบบการเล่นที่ลื่นไหลขึ้น การตกแต่งตัวละครในรูปแบบของตัวเองได้รวมถึงกราฟิกที่ได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก ใครที่ชอบเกมที่เล่นยาก ๆ น่าจะชอบเกมนี้ 6.Animal Crossing Switch New Horizons - 20 มีนาคม แพลตฟอร์ม  Nintendo Switch กลับมาอีกครั้งกับเกมสุดน่ารักของสาวก Nintendo กับเกม Animal Crossing Switch New Horizons ที่คราวนี้ได้พาผู้เล่นไปยังเกาะห่างไกลผู้คน โดยในภาคนี้ได้มีการเพิ่มระบบใหม่ ๆ ที่หลาย ๆ คนน่าจะชอบอย่างการกางเต็นท์ ระบบคราฟท์ไอเทมแบบใหม่เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งเกมสนุกที่สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย 7.Doom Eternal  - 20 มีนาคม แพลตฟอร์ม PC, Xbox One, PlayStation 4 หลังจากติดโรคเลื่อนมาหนึ่งครั้งในตอนนี้ Doom ก็พร้อมที่จะกลับมาแล้วกับ Doom Eternal ที่ว่าด้วยเรื่องราวของโลกในปี 2151 ที่ถูกนรกรุกราน ทำให้เราในฐานะของ Doom ต้องต่อสู้กับเหล่าปีศาจเพื่อนำสันติสุขมาสู่โลกอีกครั้ง สำหรับเกมนี้ยังเป็นยิงกันเลือดสาดเต็มจอ พร้อมกับระบบการเล่นแบบ Old School ที่จะจัดเต็มในเรื่องของความเร้าใจ ความมันส์และอาวุธใหม่ ๆ ในการจัดการเหล่าปีศาจ ใครที่อยากได้เกมมันส์ ๆ แนะนำเกมนี้เลย 8.Half-Life: Alyx - 23 มีนาคม แพลตฟอร์ม PC (VR) ถือว่าเป็นหนึ่งในเกม VR เกมเดียวที่หลาย ๆ คนสนใจกับ Half-Life: Alyx เกมจากทาง Valve ที่จะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเกมระดับตำนานอย่าง Galf-Life 2 โดยเราจะได้รับบทเป็น Alyx Vance ที่ต้องร่วมมือกับเหล่าผู้ต่อต้านในการเอาชนะเหล่า Combine ที่ตื่นเต้นไม่แพ้ภาคก่อนเลย ไม่แน่หากเกมนี้ขายดี Half-Life 3 อาจจะมาก็เป็นได้ 9.One Piece: Pirate Warriors 4 - 27 มีนาคม แพลตฟอร์ม PC, Xbox One, PlayStation 4 , Nintendo Switch One Piece: Pirate Warriors 4 ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมจากการ์ตูนที่ได้รับความนิยมมาก โดยการนำเอาจักรวาลของ One Piece มาผสมกับแนวทางการเล่นแบบ Dynasty Warrior ในภาคนี้ตัวเกมยังคง Concept เดิมคือ"การต่อสู้กับกองทัพศัตรูพร้อมกับพวกพ้องที่ไว้ใจ" พร้อมกับได้มีการพัฒนาหลาย ๆ อย่าง ทั้งในเรื่องของกราฟิก ระบบการเล่นและอื่น ๆ อีกมากมาย สาวก One Piece ไม่ควนพลาดด้วยประการทั้งปวง 10.Persona 5 Royal  - 31 มีนาคม แพลตฟอร์ม PlayStation 4 Persona 5 Royal หลังจากวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นมานานในที่สุดเวอร์ชันภาษาอังกฤษก็ได้ออกมาให้เหล่าเกมเมอร์ทั่วโลกได้สัมผัสเสียที สำหรับเกม Persona 5 Royal คือการอัปเกรดเกม Persona 5 ขึ้นมาจนแทบจะเป็นเกมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสถานที่ในเกมและ Persona ใหม่ ๆ ปรับปรุงระบบการเล่นให้ดียิ่งขึ้น ใครที่ชอบเล่นเกมแนว JRPG เกมนี้ต้องลอง
26 Feb 2020
Persona 5 Royal ปล่อยวิดีโอตัวใหม่อธิบายถึงสิ่งที่เปลี่ยนไปในภาคนี้!
Persona 5 กลายเป็นหนึ่งในเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของ ATLUS โดยหลังจากที่ตัว Animation ของเกมนี้ออกอากาศไปได้ไม่นาน ผู้พัฒนาก็ได้ประกาศเปิดตัวเกมนี้เวอร์ชั่นใหม่ในชื่อ Persona 5 Royal ซึ่งผู้พัฒนาก็เคยสัญญาเอาไว้ว่า ภายในเกมเวอร์ชั่นนี้จะมีการเพิ่ม เนื้อเรื่อง ตัวละคร รวมไปจนถึงสถานที่ใหม่ ๆ ในเกมด้วย และวันนี้ก็ดูเหมือนเราจะได้รู้กันแล้วครับว่า สิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามา หรือสิ่งที่เปลี่ยนไปในเกมมันมีอะไรบ้าง! ATLUS ได้ปล่อยวิดีโอตัวใหม่ ที่ให้เสียงพากย์โดย Morgana ภายในวิดีโอจะมีการอธิบายถึงสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาในเกมไม่ว่าจะเป็นตัวละครใหม่ Kasumi กับ Footage เกมเพลย์ต่าง ๆ ของเธอ , เขต Kichijoji พื้นที่ใหม่ที่เพิ่งจะถูกเพิ่มเขามาในเวอร์ชั่นนี้ , ฉากใหม่ ๆ ที่มีภายในโรงเรียน , รวมไปจนถึง Thieves Den อีกหนึ่งสถานที่ใหม่ ซึ่งจะมีมินิเกมจำนวนมากรอให้เราไปเล่น สามารถรับชมวิดีโอดังกล่าวได้ข้างล่างนี้เลยครับ Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นวางจำหนายแล้ววันนี้บนเครื่อง PS4 ส่วนเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะวางจำหน่ายในวันที่ 31 มีนาคม 2020 นี้ครับ Credit : Gamingbolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
20 Feb 2020
ATLUS เผยจะพยายามเอา Persona 5 Royal ไปลงให้กับ Nintendo Switch ให้ได้!
Persona 5 กลายเป็นเกมที่สร้างเงิน และชื่อเสียงให้กับ ATLUS เป็นอย่างมาก และการมาของ Persona 5 Royal กับ Persona 5 Scramble ก็ยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ มากยิ่งขึ้นไปอีก บวกกับในช่วงที่เครื่อง Nintendo Switch ขายดีเป็นเททิ้งขนาดนี้ อีกทั้ง P5S เองก็ลงให้กับเครื่อง Nintendo Switch ด้วย แฟน ๆ ก็เลยคาดหวังที่จะได้เล่น P5R บนเครื่อง Switch เช่นกัน ซึ่งดูเหมือนว่า ATLUS เองก็อยากเอาเกมไปลงให้กับ Switch ใจจะขาดเหมือนกันครับ! เว็บไซต์ IGN ได้ถาม Communications Manager ของ ATLUS คุณ Ari Advincula ว่า "มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องยอมแพ้เรื่องพอร์ตเกม P5R ไปลง Switch ใช้รึเปล่า?" ซึ่งคุณ Ari ก็ได้ตอบกลับมาว่า "ฉันเชื่อในการไม่ยอมแพ้จนกว่าจะถึงที่สุด" และยังกล่าวอีกด้วยว่า "ถ้าเหล่าผู้เล่นต้องการอะไร ก็อยากจะให้บอกกับทางเรามาตรง ๆ ไม่อย่างนั้น ไม่มีทางเลยที่เราจะทำสิ่งเหล่านั้นให้เป็นจริงได้" ดังนั้นยังมีความเป็นไปได้ที่เกมจะถูกพอร์ตลง Switch อยู่ครับ! Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นวางจำหน่ายแล้ววันนี้บนเครื่อง PS4 ส่วนเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะวางจำหน่ายในวันที่ 31 มีนาคม 2020 นี้ บนเครื่อง PS4 เช่นกันครับ Credit : IGN ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
18 Feb 2020
Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ จะวางขายวันที่ 31 มีนาคม 2020!
หลังจากรอกันมานานในที่สุด ATLUS ก็ประกาศวันวางจำหน่ายเกม Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษแล้วครับ ซึ่งวันวางจำหน่ายนั้นจะเป็นวันที่ 31 มีนาคม 2020 โดยวันที่ดังกล่าวนั้น ถูกประกาศออกมาผ่านทาง Trailer ตัวใหม่ ที่ปล่อยเมื่อคืนนี้พร้อมกับ Footage ภายในเกมอีกนิดหน่อย สามารถรับชม Trailer ดังกล่าวได้ข้างล่างนี้เลยครับ! ภายใน Trailer ยังเปิดเผยว่าตัวเกมจะมี Launch Edition กับ Phantom Thieves Edition ให้สายสะสมได้เลือกซื้ออีกต่างหาก โดยตัว Launch Edition นอกจากได้กล่องพิเศษเป็นแบบ Steel Book แล้ว ยังสามารถดาวน์โหลด Dynamic Theme ได้ด้วย ส่วนแพ็ค Phantom Thieves Edition นั้นจะมีหน้ากากของ Joker พร้อมขาตั้ง , Art Book , Collectors box และอื่น ๆ อีกมากมายแถมมาด้วย งานนี้แฟน ๆ Persona 5 ห้ามพลาดโดดเด็ดขาดครับ Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นวางขายแล้ววันนี้ ส่วนเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะวางขายในวันที่ 31 มีนาคม 2020 บนเครื่อง PS4 ครับ Credit : GamingBolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
04 Dec 2019
Persona 5 Royal กำลังจะมีประกาศครั้งใหญ่ในอีก 12 วัน!
Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น วางจำหน่ายครั้งแรกช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเราก็ทราบเพียงแค่ว่าตัวเกมเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะวางจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 2020 นี้ แต่ก็ยังไม่ทราบว่า จะวางจำหน่ายในวันที่เท่าไหร่ เดือนไหน ไม่ต้องห่วงครับดูเหมือนช่วงเวลาที่เราไม่รู้อะไรมันใกล้จะจบลงแล้ว เพราะ Atlus U.S.A ได้บอกว่าจะมีประกาศครั้งใหญ่ในอีก 12 วันต่อจากนี้! Official Twitter ของ Atlus U.S.A  ได้ปล่อยรูปภาพใหม่ที่เขียนว่า "You have 12 Day until we expose the Truth of Persona 5 Royal once and for all" หมายความว่าในอีก 12 วันจะมีประกาศครั้งสำคัญเกี่ยวกับเกม Persona 5 Royal ซึ่งเราก็คาดหวังว่าจะได้ทราบวันวางจำหน่ายของเกม หรือถ้าเป็นเรื่องอืน ก็คงเป็นตัวเกมจะลงให้กับ Stadia ด้วย แต่คาดหวังว่าจะเป็นการประกาศวันวางจำหน่ายเกมเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษครับ https://twitter.com/AtlusUSA/status/1197590503312646145 Credit : GamingBolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
22 Nov 2019
Persona 5 Royal ปล่อยวิดีโอโชว์ DLC Crossover กับ Persona ภาคก่อนๆ !
Persona 5 Royal วางขายเวอร์ชั่น ภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2019 ที่ผ่านมา แน่นอนว่าถึงแม้จะเป็นภาคที่มาจากการ Remake แต่ตัวเกมใหม่ ก็ยังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากจะมีกราฟิกที่พัฒนาไปนิดหน่อย และเนื้อเรื่องใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาแล้ว ดูเหมือนเราจะสามารถสู้กับพระเอก Persona ภาคก่อนๆ ได้ด้วยครับ! ล่าสุดผู้พัฒนาอย่าง ATLUS ก็ได้ปล่อยวิดีโอ 3 ตัวเปิดเผยเกี่ยวกับ DLC ที่จะมีให้ซื้อในเกมเวอร์ชั่นนี้ โดยทุกตัวจะเป็นการ Crossover กับ Persona ภาคก่อนๆ DLC ตัวแรกคือ Costumes กับ BGM Special จากภาค Persona Q ที่จะสามารถเปลี่ยนตัวละครในเกม เป็นเวอร์ชั่นจิบิน่ารักๆ ได้ ส่วน DLC อีก 2 ตัวคือการได้เข้าไปท้าทาย กับพระเอกของ Persona ภาคก่อนๆ ซึ่งจะสามารถเข้าไปสู้ได้ผ่านทาง Velvet Room รับชมวิดีโอ DLC ทั้ง 3 ตัวได้ข้างล่างนี้ครับ เกม Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นวางขายแล้ววันนี้ ส่วนเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ จะวางขายในช่วงปีหน้า บนเครื่อง PS4 Credit : Gamingbolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
11 Nov 2019
Persona 5 Royal เวอร์ชั่นญี่ปุ่นวางจำหน่าย พร้อมปล่อย Launch Trailer แล้ว!
ในขณะที่พวกเราต้องรอถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ทางฝั่งผู้เล่นในญี่ปุ่นก็ได้สัมผัสกับ Persona 5 Royal กันแล้ว ซึ่งตั่วเกมภาคนี้ ทางผู้พัฒนาก็ได้ออกมาบอกว่าจะต้องใช้เวลาเล่นมากกว่า 100 ชั่วโมงเลยทีเดียว แน่นอนว่าในช่วงที่เกมออกแล้วแบบนี้ ทางผู้พัฒนาก็ได้ปล่อย Launch Trailer ออกมาด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถรับชมได้ข้างล่างนี้! ซึ่งเอาจริงๆ ก็เป็นการใช้ Footage เก่าๆ มาใช้ซะมากกว่า ถ้าจะแตกต่างเลยคือ มีการโชว์วาดตัวละครด้วยเล็กน้อยด้วย ถ้าเกิดใครสามารถอ่านและเข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้ ตอนนี้ก็สามารถซื้อเกมมาเล่นได้เลยครับ ส่วนคนที่อยากจะเล่นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ก็ต้องรอกันต่อไปครับ Persona 5 Royal จะวางจำหน่ายในช่วง มีนาคม - พฤษภาคม บนเครื่อง PS4 ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
01 Nov 2019
สื่อญี่ปุ่นเผย Persona 5 Royal เนื้อเรื่องยาวกว่าภาคดั้งเดิมถึง 20 ชั่วโมง!
แม้ว่าจะยังต้องรอไปอีกหลายเดือนกว่าจะได้เล่นภาคภาษาอังกฤษ แต่สำหรับเกมเมอร์ชาวญี่ปุ่น (หรือคนที่อ่านภาษาญี่ปุ่นออก) จะสามารถเล่นเกม Persona 5 Royal ได้ในสัปดาห์หน้านี้แล้ว! แน่นอนว่าสื่อญี่ปุ่นเองก็เริ่มจะเผยแพร่รีวิวของเกมกันแล้ว ซึ่งนอกจากจะได้รับรู้ความเห็นของสื่อมวลชนต่อเกมภาคใหม่แล้ว ยังมีข้อมูลต่างๆ มากมายที่ถูกเปิดเผยออกมาเป็นครั้งแรกด้วย! สำหรับรีวิวฉบับแรกที่ออกมาเป็นของนิตยสารเกมยอดนิยมอย่าง Famitsu ที่ให้คะแนนเกมถึง 37/40 (ซึ่งน่าแปลกใจว่าคะแนนต่ำกว่าภาคดั้งเดิมที่ได้ถึง 39/40) โดยจุดที่น่าสนใจที่สุดคือส่วนที่ผู้เขียนรีวิวกล่าวถึงเนื้อหาใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในเกมภาคนี้ ซึ่งเขาบอกว่าเพิ่มเวลาเล่นให้เกมมากถึง 20 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งเหตุผลที่ใช้เวลาเยอะขึ้นมากขนาดนี้เพราะเกมมีเนื้อหาเพิ่มเข้ามาเยอะมากๆ ตั้งแต่สถานที่ใหม่ๆ ตัวละคร Social Link ใหม่ๆ ไปจนถึงบทสนทนาระหว่างตัวละครทั้งเก่าและใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้าไปในเกมอีกเพียบ ทำให้เขาต้องใช้เวลาเล่นกว่า 100 ชั่วโมงเพื่อจบเนื้อเรื่องของเกม เกม Persona 5 ภาคดั้งเดิมวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2016 และถูกยกย่องให้เป็นเกม JRPG ที่ดีที่สุดเกมหนึ่งของยุคเลยทีเดียว น่าสนใจว่าผู้พัฒนา Atlus จะสามารถทำให้เกม JRPG ระดับเทพอย่างนี้พัฒนาขึ้นได้อีกแค่ไหน คงต้องรอติดตามชมกันต่อไปเมื่อเกมภาคภาษาอังกฤษวางจำหน่ายช่วงกลางปี 2020 จ้า! แหล่งข่าว: Persona Central  ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
25 Oct 2019
เผยขนาดไฟล์ Persona 5 Royal แล้ว คอนเทนต์ใหม่เพียบแน่นอน!
แม้ว่าจะยังต้องรอกันไปอีกซักพักสำหรับเกมภาคภาษาอังกฤษ แต่สำหรับเกมเมอร์ชาวญี่ปุ่นแล้ว เกม Persona 5 Royal ก็กำลังจะวางจำหน่ายในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว! ด้วยประการฉะนี้เอง เราจึงได้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกม อย่างเช่นขนาดไฟล์เกมที่โหลดบน PS4 ซึ่งสำหรับภาค Royal นี้จะใช้เนื้อที่มากกว่าภาคดั้งเดิมถึง 10GB เลยทีเดียว! สำหรับเกมภาค Royal นี้จะใช้เนื้อที่บน PS4 ถึง 30GB เทียบกับเกมภาคดั้งเดิมที่ใช้ราวๆ 20GB เท่านั้นเอง แม้ว่าโดยผิวเผินดูเหมือนว่าข้อมูลนี้จะไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ แต่ถ้าลองคิดดูอีกแง่ เนื้อที่ที่เพิ่มมากว่า 10GB หรือ 50% ของขนาดดั้งเดิมอาจจะเป็นตัวบ่งชี้ปริมาณเนื้อหาที่จะเพิ่มขึ้นมาในภาคนี้ก็ได้เช่นกัน ใครที่รอเล่นภาคใหม่นี้มั่นใจได้เลยว่ามีเนื้อหาอัดแน่นคุ้มเงินแน่นอน! Persona 5 Royal ภาคภาษาอังกฤษยังไม่มีกำหนดวันวางจำหน่ายที่แน่นอน แต่ผู้พัฒนาบอกว่าจะวางจำหน่ายในช่วงกลางปี 2020 ติดตามข่าวสารวงการเพิ่มเติมเกมได้ที่
15 Oct 2019
Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษมา Spring ปีหน้า
Persona 5 เกม RPG ที่ถูกใจหลายๆคนด้วยธีมของเกมที่ไม่เหมื่อนใครและมีความสนุกในแบบของตัวเองแบบที่เกมอื่นไม่มี ล่าสุดก็ได้มีประกาศถึง Persona 5 Royal ที่เป็นเนื้อเรื่องเสริมของ Persona 5 ที่จะว่างจำหน่ายในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 นี้ที่ประเทศญี่ปุ่นและดูเหมือนว่าเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนั้นจะมีกำหนดช่วงออกแล้ว! โดยตัวเกมจะว่างจำหน่ายในโซน North America และ Europe ประมาณฤดูใบไม้ผลิปี 2020 (เดือนมีนาคม-กรกฎาคม บ้านเรา)ภาคเสริมนี้ยังมาพร้อมกับตัวละครใหม่ เนื้อเรื่องใหม่และชาเลนจ์ใหม่ๆอีกเพียบ ใครเป็นแฟน Persona งานนี้ห้ามพลาดครับ Credit : Gamingbolt ( https://gamingbolt.com/persona-5-royal-launches-in-the-west-spring-2020 ) ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่ Website : http://wpadmin.gamefever.co/ Facebook : https://www.facebook.com/GameFeverTH/
19 Aug 2019
Atlus โชว์เกมส์เพลย์ตัวใหม่ของ Persona 5 Royal
ยิ่งปล่อยรายละเอียดมามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดูดีมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับ Persona 5 Royal ล่าสุดทาง Atlus ได้ปล่อยวิดิโอเกมส์เพลย์ตัวใหม่เผยให้เราเห็นถึงสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาจาก Persona 5 โดยประกอบด้วย ตัวละครใหม่ Kasumi Yoshizawa (ซึ่งเราได้เห็นฉากต่อสู้ของเธอด้วย), คนสนิทใหม่ (Social Link) Takuto Maruki, เทอมการศึกษาที่ 3, story ใหม่, เพลงใหม่, ฟีเจอร์ใหม่และอื่นๆ อีกเพียบ สมัย Persona 4 Golden ที่เพิ่มจาก Persona 4 ว่าเยอะแล้ว แต่ดูแล้วครั้งนี้จะเยอะยิ่งกว่าซะอีก! https://www.youtube.com/watch?v=ABbcqh0t2rs https://www.youtube.com/watch?v=oUq2e-PDbCI https://www.youtube.com/watch?v=jL6l-lmyJNg ส่วนที่ถูกเพิ่มเข้าไปในเทอมที่ 3 นั้นจะมีทั้งสถานที่ใหม่ กิจกรรมใหม่ (เช่นสนุกเกอร์) และเหล่า Phantom Thieves Persona 5 Royal มีกำหนดวางจำหน่ายเวอร์ชั่นญี่ปุ่นในเดือนตุลาคมนี้บนเครื่อง PS4 ส่วนเวอร์ชั่นอังกฤษคาดว่าจะเป็นภายในปี 2020
10 May 2019
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "Persona 5 Royal"
Persona 5 ช่วยผลักดันยอดขายให้กับ Atlus อย่างมหาศาล!
ซีรีส์เกม Persona เริ่มเข้าสู่กระแสหลักมากขึ้น มีผู้ให้ความสนใจกับเกมซีรีส์นี้มากขึ้นตั้งแต่ภาค Persona 3 แต่แล้วในภาค Persona 5 Royal การวางจำหน่ายใหม่ของมันก็ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายไปมาก จนดูเหมือนมีผลกระทบไปทั้งบริษัทผู้พัฒนาเลยทีเดียว Atlus ปล่อยรายงานประจำปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2020 บอกเล่าว่าเกมสามเกมที่เปิดตัวในช่วงเวลาดังกล่าว มียอดขายเกินความคาดหมายของบริษัททั้งสิ้น และนั่นรวมไปถึง Persona 5 Royal ที่ได้กล่าวถึงก่อนหน้านี้ Persona 5 Scramble: The Phantom Strikers ที่ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม และ 13 Sentinels: Aegis Rim, The Vanillaware ที่เพิ่งได้รับการยืนยันว่าจะวางจำหน่ายสำหรับภาษาอังกฤษ แม้ว่าตัวเลขยอดขายจะเกินเป้าของบริษัท แต่บริษัทแม่อย่าง Sega ก็ยังมีรายงานผลขาดทุนสุทธิ 423.8 ล้านเยน (ประมาณ 121.8 ล้านบาท) แต่ก็ลดลงจากรายงานปีที่แล้วอย่างมากที่ขาดทุนถึง 904 ล้านเยน (ประมาณ 259.8 ล้านบาท) ดังนั้นผลจึงยังเป็นบวก Persona 5 Royal วางจำหน่ายเมื่อต้นปีนี้และ 13 Sentinels จะวางจำหน่ายวันที่ 8 กันยายน สำหรับเครื่อง PS4 ในตอนนี้ยังไม่มีข่าวว่า Persona 5 Scramble จะออกเวอร์ชั่น ENG เมื่อไหร่ Credit: Gamingbolt
01 Jul 2020
Sega เผย Persona 5 Royal เป็นเกมที่ทำยอดขาย "ทำลายสถิติ" ในฝั่งตะวันตก!
หลังจากที่รอกันมาเกือบปี ในที่สุดผู้เล่นนอกญี่ปุ่น ก็มีโอกาสได้สัมผัส Persona 5 Royal แล้วในวันที่ 31 มีนาคม 2020 ที่ผ่านมา คิดว่าไม่ต้องสาธยายอะไรให้มากความ ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเกมนี้ยอดเยี่ยมแค่ไหน และถึงแม้ว่าจะเป็นเกมที่เอาภาคเก่ามาทำการ Reboot แล้วว่าขาย แต่ตัวเกมก็ยังขายดีแบบถล่มทลายอยู่ดีครับ ในช่วงถามตอบ กับเหล่านักลงทุน Sega ที่เป็นPersona 5 Royal ของ ATLUS ได้ยืนยันว่า ตัวเกม Persona 5 Royal สามารถทำยอดขายได้สูงถึงขนาดทำลายสถิติในฝั่งตะวันตกเลย ถึงแม้ว่าจะไม่มีการประกาศว่าตัวเกมสามารถทำยอดขายได้เท่าไหร่ แต่ข่าวนี้ก็ทำให้สามารถคิดได้ว่า เราอาจได้เห็น Persona ภาคต่อไปมาเร็วกว่าที่คิดก็เป็นได้ครับ Persona 5 Royal วางจำหน่ายแล้ววันนี้บนเครื่อง PS4 เท่านั้น Credit:GamingBolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
20 May 2020
Review: Persona 5 Royal สุดยอด JRPG ที่กลับมาขโมยใจคุณอีกครั้ง
แม้จะไม่ได้เป็นที่รู้จักแพร่หลายเท่าซีรี่ส์รุ่นพี่จากแดนปลาดิบด้วยกันอย่าง Final Fantasy หรือ Dragon Quest แต่เกมซีรี่ส์ Persona ก็ถือเป็นอีกหนึ่งซีรี่ส์เก่าแก่ ที่มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัย PS1 แล้ว โดยเฉพาะในช่วง 5-10 ปีหลังมานี้ ที่เกม Persona เริ่มกลายเป็นเกม JRPG อันดับหนึ่งในดวงใจของใครหลายๆ คน สำหรับผู้เขียนเอง ออกตัวก่อนเลยว่าเป็นแฟนตัวยงของเกม Persona มาตั้งแต่ที่เล่นภาค 4 ในเครื่อง PS2 เมื่อหลายปีมาแล้ว (ถ้ารวมกับภาค Persona 4 Golden ที่วางจำหน่ายในเครื่อง PSVita ผู้เขียนเล่นเกมนี้จบรวมกัน 4 รอบแล้ว) ทำให้เวลา 150 ชั่วโมงที่ใช้ในการผ่านเนื้อเรื่องเกม Persona 5 ฉบับดั้งเดิมเป็นเวลาที่แสนสุขสำหรับผู้เขียน แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่ได้ชอบเท่ากับเกม Persona 4 Golden แต่ก็ยังถือเป็นประสบการณ์ JRPG อันดับต้นๆ ในใจ ที่มอบทั้งเกมเพลย์ กราฟฟิค เนื้อเรื่อง และตัวละครที่ยอดเยี่ยม ตามมาตรฐานที่เป็นมาทุกภาคของเกม ความหวังที่ผู้เขียนมีในใจเมื่อเริ่มเล่นเกม Persona 5 Royal คือเกมอาจจะสามารถยกระดับ Persona 5 ให้กลายเป็นเกมในดวงใจของผู้เขียนได้อีกเกม แบบเดียวกับที่ Persona 4 Golden พัฒนาประสบการณ์ของเกม Persona 4 ขึ้นไปอย่างมหาศาล โดยผลลัพธ์ที่ออกมา แม้ว่า Persona 5 Royal จะยังไม่ได้ทำให้ประสบการณ์โดยรวมของเกมต้นฉบับพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดมากนัก แต่ก็ถือว่าเป็นฉบับปรับปรุงของเกมที่ดีเลิศอยู่แล้ว ให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นไปอีกในทุกๆ ด้านเลยทีเดียว ข้อติเดียวที่พอจะนึกออก คือการทีเกมเพิ่มตัวละครใหม่ที่มีความสำคัญมากๆ เข้ามา แต่แทบไม่แตะต้องตัวละครเหล่านั้นเลย จนถึงเนื้อเรื่องใหม่ ที่เกิดขึ้นหลังตอนจบของเกมภาคดั้งเดิมไปอีก หมายความว่าผู้ที่เคยเล่นภาคดั้งเดิมมาแล้ว และอยากสัมผัสกับเนื้อเรื่องใหม่ จำเป็นต้องเล่นเนื้อเรื่องดั้งเดิมใหม่อีกรอบซะก่อน ซึ่งแม้ว่าจะมีการปรับปรุง/เปลี่ยนแปลงเกมเพลย์บ้างระหว่างทาง แต่ก็ยังใช้เวลาเฉียดร้อยชั่วโมงอยู่ดี ต่อให้เนื้อเรื่องส่วนที่เพิ่มเข้ามาจะเขียนออกมาได้อย่างดี และสามารถเสริมธีมและสาส์นที่เกมพยายามจะสื่อให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นก็ตาม แต่แม้ว่าตัวผู้เขียนเองจะชอบเกมขนาดไหน สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือเกมคงไม่ได้เหมาะกับผู้เล่นทุกคนอย่างแน่นอน หากคุณไม่ใช่คนที่สามารถนั่งอ่านเนื้อเรื่องติดๆ กันได้เป็นชั่วโมงโดยที่ไม่มีการต่อสู้เลย หรือไม่ใช่คนที่ใจเย็นพอจะศึกษารายละเอียดยิบย่อยมากมาย ที่ทำให้เกม Persona มีเอกลักษณ์แตกต่างจากเกม JRPG ทั่วไปในตลาดทุกวันนี้ เพราะสิ่งที่ทำให้เกมพิเศษสำหรับแฟนๆ อาจจะน่าหงุดหงิดรำคาญใจสำหรับหลายคนเช่นกัน สำหรับคนที่ยังไม่เคยเล่นเกม Persona 5 มาก่อน และมั่นใจว่าอยากลอง เกมภาค Royal ถือเป็นโอกาสทองที่จะได้สัมผัสกับ JRPG ที่ดีที่สุดเกมหนึ่งในยุคคอนโซลปัจจุบัน ในสภาพที่สมบูรณ์แบบที่สุด ส่วนผู้เล่นที่เคยเล่นภาคดั้งเดิมมาแล้ว อาจจะต้องถามตัวเองว่าคุณพร้อมจะเล่นเนื้อเรื่องทั้งหมดนั้นอีกรอบไหม ◊ กราฟิก / การนำเสนอ ◊ ด้วยความที่เกม Persona 5 เดิมทีแล้วถูกพัฒนาขึ้นสำหรับเครื่อง PS3 ด้วย และวางจำหน่ายพร้อมกันกับเวอร์ชั่น PS4 ทำให้เกมมีขีดจำกัดในแง่ของกราฟฟิคอยู่พอสมควร แม้ว่าเกมจะไม่ได้น่าเกลียดแต่อย่างใด แถมยังมีสไตล์การออกแบบศิลป์ที่จัดจ้าน ซึ่งช่วยยกระดับกราฟฟิคโดยรวมของเกมขึ้นมาได้มากเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด แต่ก็มีจุดเล็กๆ หลายจุด เช่นการที่ภาพแตกเป็นพิกเซล ที่ถ้ากำจัดไปได้ ก็จะทำให้เกมรู้สึกใกล้เคียงกับมาตรฐานปัจจุบันมากขึ้น สำหรับเกม Persona 5 Royal ถือว่ากลบจุดอ่อนทั้งหมดที่ผู้เขียนเคยรู้สึกติดจากเกมฉบับดั้งเดิมได้ และยังพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นอีกด้วย (โดยเฉพาะใน PS4 Pro) โดยนอกจากจะอัพกราฟฟิคทั้งหมดในเกมให้คมชัดยิ่งขึ้น ยังเพิ่มรายละเอียดยิบย่อยในฉาก และเพิ่ม NPC ให้หนาตามากขึ้นด้วย กราฟฟิคที่ปรับให้คมชัดยิ่งขึ้น ยังช่วยทำให้การออกแบบศิลป์ที่ยอดเยี่ยมของเกม เช่นหน้าเมนู หน้า U.I. หรือฟอนต์ เด่นขึ้นอีกด้วย ซึ่งแม้ว่าทั้งหมดจะเป็นเพียงข้อพัฒนาเล็กน้อย แต่ก็ทำให้เกมรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเก่าอย่างรู้สึกได้เลยทีเดียว นอกจากเรื่องสไตล์การออกแบบศิลป์แล้ว เกมซีรี่ส์ Persona ยังโด่งดังในเรื่องของเพลงประกอบ และ Persona 5 ต้นฉบับก็มีเซ็ตเพลงประกอบแนว Acid-Jazz ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว โดยในภาค Royal จะเพิ่มเพลงประกอบใหม่เข้าไปอีก 20 เพลง แม้ผู้เขียนจะยอมรับว่าจำเพลงที่เพิ่มมาได้อยู่ไม่กี่เพลง แต่ทุกเพลงก็ช่วยเสริมอรรถรสของเกมได้เช่นกัน โดยเฉพาะเพลงฉากต่อสู้ใหม่ (เพลงชื่อ Take Over) ที่ช่างเร้าอารมณ์ในฉากต่อสู้ได้ดีเหลือเกิน รับประกันว่าถ้าคุณได้ลองเล่นซักครั้ง จะต้องหาเปิดเพลง Soundtrack ฟังทั้งวันเหมือนผู้เขียนแน่นอน ◊ เนื้อเรื่อง ◊ เนื้อเรื่องในเกม Persona 5 Royal ประมาณ 80-90% จะยกมาจากเกมต้นฉบับตรงๆ โดยเกมจะติดตามตัวเอกใบ้ (ซึ่งผู้เล่นตั้งชื่อเอง) ผู้ซึ่งโดนส่งเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองโตเกี่ยวคนเดียวเป็นระยะเวลา 1 ปี หลังจากที่โดนตำรวจยัดข้อหาทำร้ายร่างกายให้ แต่เมื่อมาถึงไม่ทันไร ตัวเอกก็ได้ค้นพบการมีอยู่ของมิติปริศนา ที่เกิดขึ้นจากจิตใจอันบิดเบี้ยวชั่วร้ายของเหล่าผู้ใหญ่ ตัวเอกและเพื่อนๆ จึงใช้พลังพิเศษที่เรียกว่า Persona ในการบุกเข้าไปยังมิติคู่ขนานเหล่านี้ เพื่อ "ขโมยหัวใจอันบิดเบี้ยว" ของผู้ใหญ่อันชั่วร้าย ให้พวกเขาสามารถกลับใจมายอมรับผิดได้อีกครั้ง ถ้าให้มองแบบกว้างๆ นั้น เนื้อเรื่องของเกม Persona 5 ิอาจจะไม่ได้พิเศษอะไรนัก เผลอๆ อาจจะดูเหมือนพล๊อตการ์ตูนอนิเมะทั่วไปด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำให้เนื้อเรื่องของเกม Persona ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางคือรายละเอียดภายในเนื้อเรื่อง ที่มักจะสะท้อนภาพเหตุการณ์หนักๆ ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศ การฆ่าตัวตาย หรือกระทั่งการเมือง ซึ่งใกล้เคียงกับสิ่งที่เราพบเห็นในข่าวในชีวิตจริงอยู่เป็นประจำ ทำให้เหตุการณ์เหล่านี้ รวมไปถึงสาส์นที่เกมต้องการจะสื่อผ่านเนื้อเรื่อง รู้สึกมีน้ำหนักต่อความคิดและจิตใจเราจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น เกม Persona 5 ยังแฝงไปด้วยแนวคิดของความ "ขบถ" ของคนรุ่นใหม่ ที่ลุกขึ้นมาปฏิเสธโลกอันบิดเบี้ยว ที่เหล่าผู้ใหญ่สร้างขึ้นมาเพื่อบำเรอตนเอง รวมไปถึง "บทบาท" ที่สังคมยัดเยียดให้พวกเขา ซึ่งผู้เขียนรู้สึกว่าน่าจะเหมาะกับสถานการณ์บ้านเมืองทั่วโลกในปัจจุบันมากๆ  และน่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายคน ที่อาจจะรู้สึกสิ้นหวังกับทิศทางของโลกในปัจจุบัน เนื้อเรื่องส่วนที่เพิ่มมาในเกมภาค Royal จะเกี่ยวข้องกับตัวละครใหม่ที่เกมเพิ่มเข้ามา คือนักจิตวิทยา Maruki และเพื่อนร่วมปาร์ตี้คนใหม่อย่าง Kasumi นั่นเอง โดยเกมจะเน้นปูเนื้อเรื่องของทั้งสองผ่านฉากคัตซีนที่สอดแทรกเข้าไปเพิ่มในเหตุการณ์ของเนื้อเรื่องหลัก และจะเริ่มเข้าสู้เนื้อเรื่องใหม่ของทั้งสองจริงๆ หลังตอนจบของเนื้อเรื่องหลักไปแล้ว แม้ว่าสุดท้ายแล้ว เนื้อเรื่องส่วนที่เสริมมาจะเขียนมาค่อนข้างดี และมีเนื้อหาและข้อคิดที่หนักอึ้งให้นั่งขบคิดกันไม่ต่างจากเนื้อเรื่องหลัก (ไม่อยากพูดมาก เดี๋ยวสปอย) แต่ด้วยรูปแบบการนำเสนอ ที่นำเนื้อเรื่องของทั้งสองมาเล่าในช่วงท้ายเกมทั้งหมดทีเดียว ทำให้บางทีก็รู้สึกเร่งๆ เหมือนกัน เพราะต้องทำให้ตัวร้ายตัวใหม่รู้สึกน่าเกรงขามมากพอที่จะท้าทายเหล่าตัวเอกและผองเพื่อน ที่กำจัดบอสใหญ่ไปแล้วได้ แถมยังต้องมาพัฒนาตัวละครของ Kasumi ผู้ซึ่งเป็นตัวเอกอีกตัวของเนื้อเรื่องเสริมนี้อีก ทำให้อดเสียดายไม่ได้ว่าถ้าเกมปูเรื่องมาให้เป็นธรรมชาติกว่านี้ และหาวิธีสอดเรื่องราวของ Kasumi เข้าไปก่อนสู้บอสใหญ่ อาจจะทำให้ทุกอย่างรู้สึกลงตัวมากกว่านี้   คนที่เล่นแล้วอาจจะเถียงว่า "ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นในเนื้อเรื่องเสริม มันก็ต้องเล่าประมาณนี้แหละ" ซึ่งผู้เขียนก็ไม่เถียง แต่ก็ยังอดเสียดายไม่ได้อยู่ดีที่เกมไม่ได้ทำให้ Kasumi รู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของทีมจริงๆ จนกระทั่งถึงตอนจบ ซึ่งก็ทำให้ตัวละครของเธอขาดน้ำหนักไปพอสมควรเมื่อเทียบกับตัวละครดั้งเดิม นอกจากเนื้อเรื่องหลักแล้ว อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญของเกม Persona คือเนื้อเรื่องส่วนตัวของแต่ละตัวละครเอง ซึ่งจะปลดล๊อคผ่านระบบ Confidant ของเกมนั่นเอง โดยเนื้อเรื่องเหล่านี้ แม้ส่วนใหญ่จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลักโดยตรง แต่ก็ช่วยทำให้เราได้รู้จักกับตัวละครหลายๆ ตัวมากขึ้น เพราะมักจะเกี่ยวข้องกับการแก้ปมในใจ หรือปัญหาในชีวิตประจำวันของตัวละคร ที่แม้จะไม่ได้ตื่นเต้นเป็นพิเศษ แต่เนื้อเรื่องเหล่านี้ยังมีเนื้อหาที่กินใจ และให้แง่คิดดีๆ ในการใช้ชีวิตเสมอ ทำให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนกับได้ร่วมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับผองเพื่อนที่ผ่านอะไรต่อมิอะไรมาด้วยกันจริงๆ ซึ่งก็กลับมาช่วยเสริมเนื้อเรื่องของเกมอีกที สำหรับคนที่เคยเล่นเกมมาแล้ว เนื้อเรื่องของ Persona 5 Royal อาจจะไม่ใช่จุดดึงดูดหลัก เพราะเอาจริงๆ ก็เหมือนเดิมไปซะเกือบทั้งหมดอยู่เหมือนกัน และถ้าอยากเข้าถึงเนื้อเรื่องใหม่ ก็ต้องผ่านเนื้อเรื่องเก่าที่กินความยาวได้เป็นร้อยชั่วโมงไปซะก่อน แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นมาก่อน และชื่นชอบการเสพเนื้อเรื่องเกมเยอะๆ ยาวๆ บอกเลยว่าเกมนี้มีให้คุณเสพจนอิ่มแน่นอน ◊ เกมเพลย์ ◊ เกมเพลย์ของ Persona 5 (ทั้ง Royal และปกติ) น่าจะเป็นทั้งจุดแข็งที่สุดและจุดอ่อนที่สุด ขึ้นอยู่กับความชอบของคนที่เล่น การเล่นเกมจะสามารถแบ่งออกเป็นสองช่วงหลักๆ คือช่วงต่อสู้ตะลุยดันเจี้ยน (ที่เกมเรียกว่า Palace หรือวัง) และช่วงใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งมีความสำคัญพอๆ กัน โดยปกติแล้ว เวลาส่วนใหญ่ในเกม P5R จะถูกใช้ไปกับการดำเนินชีวิตประจำวันของตัวเอก โดยมีจุดประสงค์สองอย่าง คือเพื่อพัฒนาค่าความสามารถทางสังคม (Social Stat) เช่นความหล่อ ความฉลาด หรือความใจดี และเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละครเสริมอื่นๆ ในระบบ Confidant ของเกมนั้นเอง ซึ่งการพัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละคร บางครั้งก็จำเป็นต้องใช้ค่าสถานะทางสังคมถึงระดับหนึ่งก่อน โดยเกมจะดำเนินไปตามระบบปฏิทิน และเนื้อเรื่องจะมีจำนวน "วัน" ในเกมที่ตายตัว หมายความว่าผู้เล่นจะต้องบริหารเวลาให้ดี เพื่อให้สามารถเก็บค่าสถานะให้ได้มากที่สุด เพื่อปลดล๊อคเนื้อเรื่องเสริมเหล่านี้ให้ได้มากที่สุดเช่นกัน การปลดล๊อคเนื้อเรื่องเสริมเหล่านี้ ยังช่วยเพิ่มความสามารถพิเศษให้เราใช้ในการสำรวจดันเจี้ยนอีกด้วย ผู้เล่นจึงควรพัฒนาระดับ Confidant ของตัวละครให้มากที่สุดที่จะทำได้ จุดนี้น่าจะเป็นจุดที่ทำให้หลายคนขยาดจากเกม Persona ไปได้ง่ายๆ เพราะเวลากว่า 60-70% ของการเล่นเกมมักจะถูกใช้ไปกับการนั่งอ่านเนื้อเรื่องเสียมากกว่า ในบางครั้งอาจต้องนั่งอ่านเนื้อเรื่องอย่างเดียวเป็นชั่วโมงเลยก็ได้ แน่นอนว่าคนที่ไม่ชอบอ่านเนื้อเรื่องเยอะๆ หรือมีปัญหาด้านภาษาอังกฤษ อาจจะทำให้เกมน่าเบื่อไปเลยได้เช่นกัน แต่ในขณะเดียวกัน เนื้อเรื่องที่เกมนำเสนอก็เป็นเสน่ห์สำคัญอย่างหนึ่งของเกมด้วย จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าเกมคงไม่ถูกใจผู้เล่นกลุ่มใหญ่ๆ แน่นอน แม้ว่าจะได้รับคะแนนจากสื่อที่รีวิวดีแค่ไหนก็ตาม นอกจากการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว ในแต่ละเดือน (ตามเวลาเกม) จะมีดันเจี้ยนที่ผู้เล่นจะต้องผ่านให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งผู้เล่นจะเลือกได้อย่างอิสระว่าในหนึ่งเดือนนั้น จะใช้เวลาลงดันเจี้ยนกี่วัน หรือจะใช้เวลาในการเตรียมตัวในโลกแห่งความจริงกี่วัน ซึ่งถ้าเคลียร์ดันเจี้ยนไม่ได้ในเวลาที่กำหนด ก็จะทำให้ Game Over ทันที การต่อสู้ของเกม Persona จะมีส่วนคล้ายคลึงกับเกมอย่างโปเกม่อนอยู่บ้าง ตรงที่เกมจะเปิดให้ผู้เล่นสามารถเก็บสะสมเหล่า Persona ต่างๆ ไว้กับตัวได้ ซึ่ง Persona แต่ละตัวก็จะมีความสามารถและจุดแข็ง/จุดอ่อนต่างกัน โดยการเลือกใช้การโจมตีให้ตรงกับจุดอ่อนของศัตรูถือเป็นหัวใจหลักของการต่อสู้ในเกม เพราะเมื่อโจมตีถูกจุดอ่อนของศัตรู (หรือโจมตีติด Critical) จะทำให้ศัตรูตัวนั้นล้มลง และทำให้ตัวละครที่โจมตีได้รับเทิร์นเพิ่มอีกด้วย ซึ่งเมื่อเราทำให้ศัตรูทั้งหมดล้มลงได้ เราจะสามารถปิดฉากด้วยการโจมตี All-out Attack ทันที หรือจะขู่กรรโชกศัตรู (ไม่ได้พูดเล่น) เพื่อแย่งไอเทมหรือเงิน หรือกระทั่งเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็น Persona ของเราเลยก็ยังได้ การหาจุดอ่อนของศัตรูแต่ละชนิดให้เจอจึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ความท้าทายของเกม Persona อยู่ตรงที่ว่าศัตรูเองก็สามารถโจมตีถูกจุดอ่อนของเราได้ ซึ่งเมื่อโดนแต่ละครั้งนี่แทบจะโดนสวนม้วนเดียวนอนทั้งตี้ได้เลย โดยตัวละครเพื่อนร่วมปาร์ตี้ทุกคนจะมี Persona และจุดอ่อน/จุดแข็งตายตัว (ในขณะที่ตัวเอก/ผู้เล่นจะสามารถสับเปลี่ยน Persona ไปมาได้) ทำให้การเล่นเกมบางครั้งก็พึ่งโชคประมาณหนึ่ง ว่าศัตรูตัวนี้จะเลือกโจมตีตัวละครตัวไหน และจะใช้ท่าที่ตัวละครตัวนั้นแพ้ทางไหม เพราะถ้าโดนเข้าซักทีก็เตรียมปาดเหงื่อได้เลย (โดยเฉพาะในระดับความยากสูงๆ) นอกจากนี้ เกมยังมีไอเทมที่ใช้ฟื้นฟู SP (ค่าพลังที่เอาไว้ใช้ร่ายสกิลเวทย์) ให้ใช้น้อยมาก ซึ่งนี่จะเป็นอุปสรรคสำคัญอย่างหนึ่งในการตะลุยดันเจี้ยน เพราะเมื่อไม่มี SP ก็จะไม่สามารถใช้เวทย์เพื่อเล่นงานจุดอ่อนศัตรู หรือเพื่อเพิ่มเลือดได้ ทำให้แม้แต่การต่อสู้กับศัตรูกีกี้ธรรมดา กลายเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากๆ ผู้เล่นจึงต้องบริหาร SP ให้ดี ไม่เช่นนั้นก็อาจจะถูกบังคับให้ต้องหนีออกจากดันเจี้ยนกลางทาง ทำให้เสียเวลาในเกมไปกับการผ่านดันเจี้ยนมากขึ้น และมีเวลาไปใช้ชีวิตน้อยลง ซึ่งก็ทำให้การเตรียมตัวสำหรับดันเจี้ยนต่อไปยากขึ้น ส่งผลต่อกันเป็นทอดๆ ไป ในส่วนของเกม Persona 5 Royal ไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบไปเท่าไหร่นัก แต่เช่นเดียวกับในเรื่องกราฟฟิค เกมภาค Royal ได้เพิ่มข้อปรับปรุงเล็กๆ เข้าไปมากมาย ที่ทำให้ประสบการณ์การเล่นเกม Persona 5 ง่ายขึ้นกว่าเดิมพอสมควร อย่างแรกที่สุดที่ถูกปรับคือเกมเปิดช่องเวลาให้ผู้เล่นมากขึ้น จากเดิมที่จะมีช่องเวลาที่ถูกจำกัดตามเนื้อเรื่องเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้เล่นมีเวลาในการเก็บ Social Stat และ Confidant มากขึ้นไปด้วย ซึ่งในฐานะผู้เล่นที่ผ่านภาคดั้งเดิมมาก่อน ถือเป็นข้อปรับปรุงที่ดีที่สุด เพราะทำให้ผู้เขียนสามารถเก็บ Social Stat ได้เร็วกว่าเดิมมากๆ จนผู้เขียนสามารถเก็บระดับ Confidant สำหรับตัวละครเสริมครบหมดทุกตัว (กระทั่ง Confidant ที่เพิ่มมาใหม่อย่าง Faith และ Councillor) ซึ่งเป็นสิ่งที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในภาคดั้งเดิม อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่เปลี่ยนไป คือระบบ Technical Damage ของเกม ซึ่งจะทำให้ศัตรูที่ติดสถานะผิดปกติ (เช่นติดพิษ ติดใบ้ เป็นต้น) ได้รับความเสียหายจากการโจมตีบางชนิดเพิ่มขึ้น โดยในเกมภาคดั้งเดิม ระบบนี้มักจะถูกมองข้าม เพราะการโจมตีจุดอ่อนของศัตรูไปเลยมักจะเป็นทางเลือกที่ง่ายและดีกว่า แต่ในเกมภาค Royal มี Persona หลายตัวที่ถูกปรับให้ไม่มีจุดอ่อน ทำให้จำเป็นต้องใช้การโจมตีแบบ Technical Damage ในการเอาชนะแทน ซึ่งก็ช่วยทำให้เกมท้าทายขึ้นมาบ้างสำหรับคนที่เคยเล่นมาก่อน เกมยังเปลี่ยนโครงสร้างและปริศนาภายในดันเจี้ยนทุกแห่ง และยังปรับปรุงการต่อสู้กับบอสในเกมให้แตกต่างจากภาคเก่าประมาณหนึ่ง โดยแม้ว่าอาจจะไม่ได้เยอะจนรู้สึกว่าทุกอย่างใหม่ไปหมด แต่ก็เพียงพอให้การเล่นเนื้อเรื่องซ้ำ (สำหรับคนที่เคยเล่นแล้ว)ไม่น่าเบื่อเท่าที่คิด องค์ประกอบสุดท้ายที่อยากพูดถึงคือดันเจี้ยนกลาง Mementos ที่เปิดให้ผู้เล่นเข้าไปสำรวจเมื่อไหร่ก็ได้ (ต่างจากดันเจี้ยนประจำเดือนที่เปิดให้สำรวจได้เฉพาะในเดือนนั้นๆ) ซึ่งถูกทำให้กลายเป็นแหล่งเก็บเลเวลและเงินชั้นดีด้วยระบบ Stamps ใหม่ ที่ให้ผู้เล่นเก็บสติ๊กเกอร์รูปดาวไปให้ NPC ใหม่ที่ชื่อว่า Jose เพื่อปรับผลตอบแทนที่ผู้เล่นจะได้รับในดันเจี้ยน (มีให้เลือกว่าจะรับเงิน EXP หรือไอเทมเพิ่มขึ้น) ทำให้ Mementos กลายเป็นแหล่งฟาร์มชั้นดี แต่ในขณะเดียวกันก็แอบทำให้การตะลุยดันเจี้ยนเนื้อเรื่องง่ายขึ้นเยอะ เพราะมีเงินซื้อไอเทมใช้ไม่ขาดมือ ◊ สรุป ◊ กล่าวโดยสรุปแล้ว Persona 5 Royal ถือเป็นภาคที่สมบูรณ์ที่สุด ของเกมที่ดีที่สุดเกมหนึ่งในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา ตราบใดที่คุณสามารถปรับความคาดหวังให้ถูกว่าเกมเป็นเกมแบบไหน เพราะถ้ากะซื้อมาเล่นส่วนการต่อสู้อย่างเดียว ก็คงจะไม่คุ้มเท่าไหร่ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบติดตามเนื้อเรื่องของเกมแบบยาวๆ หรือชอบเกมที่มีเนื้อหาลึกซึ้งกินใจ บอกเลยว่าไม่มีเกมไหนเหมาะกับคุณเท่า Persona 5 Royal แน่นอน สำหรับข่าวสารเกมที่น่าสนใจ คลิ๊ก!       [penci_review id="52265"]
08 May 2020
เบื้องหลังการดีไซน์ตัวละครใหม่ใน Persona 5 Royal
Persona นอกจากจะเป็นเกม RPG ที่ดูมีความล้ำสมัยแล้ว มันยังเป็นเกมที่โดดเด่นด้วยตัวละครที่มีเอกลักษณ์ในแต่ละภาค ซึ่งหากจะเรียกตัวเองว่าเป็นแฟน Persona ตัวจริง ก็จะไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของคุณ Shigenori Soejima ผู้เป็น Character Design ประจำซีรี่ส์คนนี้ไม่ได้เลย และใน Persona 5 The Royal คุณ Shigenori Soejima ก็ยังได้รับหน้าที่เป็นผู้ดีไซน์ตัวละครเอกหญิงคนใหม่ ที่มีชื่อว่า Kasumi ที่จะมาร่วมผจญภัยกับกลุ่มจอมโจร Phantom Thieves ของเหล่าตัวเอกในเวอร์ชั่นนี้ ซึ่งการออกแบบตัวละครใหม่เพื่อให้มาเป็นหนึ่งในตัวละครหลักอีกคนนั้น จะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง สามารถไปชมเบื้องหลังการออกแบบ Kasumi ของคุณ Shigenori กันได้เลย เมื่อต้องทำการออกแบบตัวละครใดก็ตาม คุณ Shigenori ก็จะคิดถึงไอเดียที่จะใช้ภายในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นอายุ, ความสัมพันธ์ของตัวละคร, เมื่อเข้าใจเรื่องราวพวกนั้นทั้งหมดแล้วจึงได้เริ่มดีไซน์ขึ้นมา ซึ่ง Kasumi เป็นนักเรียนมัธยมปลายที่มีความสดใส และมุ่งมั่นจริงจัง เธอเป็นรุ่นน้องของตัวเอก และอยู่ในชมรมของโรงเรียน แถมยังเป็นนักกีฬาอีกด้วย คุณ Shigenori จึงออกแบบให้ Kasumi มีความเคลื่อนไหวเหมือนยิมนาสติกลีลา เพื่อให้ดูมีอิสระและมีความคล่องตัวในสถานการณ์ต่างๆ คุณ Shigenori ได้ให้ความสำคัญกับทรงผมของตัวละครเป็นอันดับแรก ซึ่งทุกตัวละครที่เขาออกแบบนั้นจะไม่ได้มีต้นแบบมาจากเกมหรือการ์ตูน แต่จะมาจากรูปของคนอื่นที่เขาค้นหาเจอ ซึ่งไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง อย่างเช่น Kasumi นั้นเขาได้คิดว่าจะให้เธอไว้ทรงผม Ponytail เพราะเป็นทรงผมที่ดูน่ารัก ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นหน้าก็ตาม และลักษณะต้นแบบของเธอที่เขาได้เห็นรูปต้นแบบมาจากคนอื่นมา ก็ทำให้รู้สึกมีความเป็นการ์ตูนสาวน้อย และเป็นลักษณะของตัวละครที่ยังไม่มีในเกมภาคนี้ เมื่อได้ดูข้อมูลโปรไฟล์ตัวละครแล้ว คุณ Shigenori ก็เริ่มวาดคาซึมิจากทรงผมเป็นอย่างแรก โดนจะเริ่มร่างแค่ส่วนหน้าก่อน จากนั้นเขาก็ได้เติมผมที่ปิดลงมาที่หน้า เพื่อให้ดูเป็นเด็กผู้หญิงมากขึ้น และเนื่องจาก Kasumi เป็นตัวละครที่มีความสดใส ขนตาของเธอเลยอยู่ตำแหน่งที่สูง ถึงแม้ว่าจะโดนผมปิดหน้าจนมองไม่ค่อยเห็นก็ตาม และเพื่อให้เรียกตัวเอกว่า “รุ่นพี่” ได้อย่างมีชีวิตชีวา เลยต้องวาดดวงตาของเธอให้กลมโตและเปิดกว้าง การวาดดวงตานั้นอาจจะเป็นขั้นตอนสุดท้าย แต่ก็ส่วนที่สำคัญมากที่สุด เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นถึงความรู้สึกของตัวละคร อย่างเช่นตัวเอกใน Persona 4 เมื่อเห็นแล้วก็จะรู้สึกได้ว่าเป็นตัวละครที่มีความสมาร์ท และทำให้ผู้เล่นที่เห็นภาพตัวละครแล้วจะเกิดความประทับใจได้ทันที ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นขั้นตอนแรกในการออกแบบหน้าตาของตัวละคร โดยที่ยังต้องไม่กำหนดว่าต้องมีตาหรือสีผมอะไรเลย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปมากที่สุดสำหรับการดีไซน์ Kasumi ก็คือทรงผม เพราะในตอนแรกนั้น คุณ Shigenori  ได้คุยกับคนเขียนบท ซึ่งได้มีการคิดบทไว้คร่าวๆ ว่า Kasumi อาจจะอยู่ชมรมว่ายน้ำ ทรงผมในตอนแรกของเธอที่วาดออกมาจึงสั้นมากๆ แต่ทุกคนก็ล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “ตัวละครแบบนี้ขายไม่ออกแน่ๆ” จึงต้องมีการแก้ไขด้วยเปลี่ยนการดีไซน์ใหม่ทั้งหมด และ Kasumi ก็มีภาพลักษณ์ว่าผู้เล่นไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวของเธอมาก่อน แต่เพียงแค่เห็น Intro ก็จะทำให้รู้สึกได้ว่าเธอเป็นตัวเอกอีกคนหนึ่ง ไม่ว่าจะจากรูปร่างหน้าตา หรือชุดเครื่องแต่งกายก็ตาม ใน Persona 3 Portable ก็ได้มีการดีไซน์ตัวเอกหญิงเพิ่มขึ้นมาอีกคนเช่นกัน แต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่ Kasumi ไม่ใช่ตัวละครหลักในการดำเนินเรื่อง แต่เธอเป็นตัวละครใหม่อีกคนหนึ่ง ที่ได้มาเข้าร่วมกลุ่มจอมโจร Phantom Thieves ส่วนทางด้าน Persona ประจำตัวอย่าง Cendrillion ก็มีต้นแบบมาจากรองเท้าแก้วในเทพนิยาย และมีการออกแบบกระโปรงให้ดูมีพลังเวทย์ ด้วยการอ้างอิงดีไซน์มาจากในเทพนิยาย ซึ่งจะเห็นว่ามีส่วนที่ดูเหมือนกับไม้เลื้อยและฟักทองอยู่ ส่วนตรงอกนั้นความจริงแล้วเป็นนาฬิกา ซึ่งเป็นการแทนภาพลักษณ์ว่าสักวันหนึ่ง ช่วงเวลาที่ได้เป็นเจ้าหญิงจะหมดไป และเธอต้องเป็นตัวของตัวเองจริงๆ หลังจากนี้ คุณ Shigenori คาดหวังว่าถ้าหากอีก 10 ปี หรือ 20 ปี หลังจากนี้ เขาต้องเลิกวาดรูปไป ตัวละครของเขาก็จะมีคนอื่นนำไปวาดต่อไป ซึ่งทุกคนสามารถติดตามผลงานภาพl;pq และตัวละครที่มีสเน่ห์น่าหลงใหลของ คุณ Shigenori Soejima ได้ใน Persona Series และ Persona 5 The Royal ที่ได้วางจำหน่ายแล้ววันนี้ คลิปวิดีโอ
22 Apr 2020
Sony ยืนยัน "P5R, Days Gone และ Bloodborne จะลง PC" เป็นเรื่องเข้าใจผิด!
PlayStation 4 เป็นชื่อของเครื่องเล่นเกม ที่มีเกม Exclusive ดีๆ อยู่มากมาย ในช่วงหลังๆ มานี้ เราก็เริ่มได้เห็นเกมที่เคยประกาศว่าจะเป็น Exclusive ให้กับเครื่อง PS4 เริ่มถูกพอร์ตมาลงให้กับเครื่องอื่นๆ มากขึ้น ซึ่งมันได้สร้างความหวังให้กับเหล่าผู้เล่นบนเครื่อง Xbox หรือ PC มากๆ ว่า สักวันเราจะมีโอกาศได้เล่นเกมเหล่านั้นบ้าง แต่ล่าสุดดูเหมือนว่า ข่าวที่บอกว่า "Persona 5 Royal, Days Gone และ Bloodborne จะลง PC" จะเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ! เมื่อคืนนี้ บนเว็บไซต์ Amazon ฝรั่งเศส ได้มีการโพส์สินค้า ที่เป็นเกม PS4 Exclusive อย่าง Days Gone, Bloodborne หรือ P5R แต่มี Plate-Forme เป็น Windows ซึ่งมันทำให้เหล่าเกมเมอร์คาดหวังไปว่าเกมดังกล่าวจะลงให้กับเครื่อง PC จริงๆ แต่ล่าสุดก็ได้มีข่าวออกมาจากทางผ่านทาง IGN โดยได้รับการยืนยันจาก Sony แล้วว่า Days Gone กับ Bloodborne ไม่ได้จะลงให้กับเครื่อง PC นี้ต้องเป็นเรื่องผิดพลาดอะไรบางอย่างแน่นอน และในส่วนของเกม P5R เองก็ได้มีข่าวออกมาจากทาง PCGamer แล้วว่า Sega ก็ไม่รู้เรื่องเช่นกัน และพวกเขากำลังหาทางนำหน้าดังกล่าวออกไปจากเว็บไซต์ Amazon ฝรังเศสอยู่เช่นกันครับ Credit: PCGamer , IGN ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
16 Apr 2020
ทุกคนสามารถ เป็น Phantom Thieves จาก P5R ได้แล้ววันนี้บน Instagram!
Persona 5 Royal ว่างจำหน่ายมาได้ 2 อาทิตย์แล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าเกมภาคนี้ก็ยังคงได้รับคะแนนรีวิวที่ดีมากๆ เหมือนเดิม ซึ่งถ้าจะพูดถึงหนึ่งในจุดที่เด่นมากๆ ของเกมนี้ ก็คงจะเป็นในเรื่อง Character Design ของเหล่า Phantom Thieves ตัวละครหลักของเกม ที่เรียกได้ว่าทำออกมาได้ดีจริงๆ และเพื่อเป็นการเอาใจแฟนๆ ทางผู้พัฒนาก็ได้ทำการปล่อย Filters ตัวใหม่ออกมาบน Instagram ที่อนุญาตให้ใครก็สามารถเป็น Phantom Thieves ได้ครับ! Official ATLUS West ได้ทำการโพสต์ข้อความบน Twitter พร้อมวิดีโอที่บอกว่า "ตอนนี้ใครๆ ก็สามารถเป็น Phantom Thief ได้ด้วย Persona 5 Royal Instagram Filter" ซึ่งหน้ากากที่มีมาให้เราเลือกใส่ใน Filter ตัวนี้นั้น ก็มีถึง 6 แบบเลยทีเดียว  ถ้าหากใครสนใจก็สามรถลองเข้าไปเล่นกันดูได้ครับ รับชมวิดีโอดังกล่าวได้ข้างล่างนี้เลย Persona 5 Royal วางจำหน่ายแล้ววันนี้บนเครื่อง PS4 เท่านั้น https://twitter.com/Atlus_West/status/1250130660355796994?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1250130660355796994&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.siliconera.com%2Fpersona-5-royal-instagram%2F Credit: Siliconera ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
15 Apr 2020
สั้นยาวแตกต่างกัน ‘จำนวนเวลา’ นั้นสำคัญหรือไม่ในชิ้นงานวิดีโอเกม
‘เมื่อคุณนั่งอยู่กับสาวสวยสองชั่วโมง มันดูผ่านไปรวดเร็วเพียงไม่กี่นาที แต่เมื่อนั่งบนเตาไฟไม่กี่นาที มันดูยาวนานราวชั่วโมง’ ประโยคนี้ คือคำอธิบายสุดคลาสสิคของทฤษฏีสัมพัทภาพ (Theory of Relativity) อันเป็นหนึ่งในแนวคิดสำคัญของทฤษฏีฟิสิกส์ดาราศาสตร์ของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ สุดยอดนักวิทยาศาสตร์แห่งศตวรรษที่ 20 ที่ใช้บรรยายเรื่องยากให้สามารถเข้าใจได้อย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพได้ภายในประโยคเดียว (ตามวิสัยที่แกเป็นนักวิทยาศาสตร์สุดเฟื่องและขึ้นชื่อในเรื่องอารมณ์ขันอันรุ่มรวยที่ช่วยให้โลกวิทยาศาสตร์ไม่เป็นยาขมไหม้ในลำไส้ไปเสียก่อน...) แน่นอนว่าผู้เขียนไม่ได้จะพาคุณผู้อ่านไปทำความเข้าใจในเรื่องของฟิสิกส์ดาราศาสตร์ (เพราะมันคงกินโควต้าหน้าบทความจนเกินไป รวมถึงไม่มีความเข้าใจในเชิงลึกด้วยสติปัญญาที่แม้แต่ตารางธาตุก็ยังจำไม่ได้...) แต่กำลังจะเกริ่นนำถึงสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกได้ถึงเวลาที่ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัว ใช่แล้ว มันไม่ใช่สิ่งอื่นใด หากแต่เป็น ‘วิดีโอเกม’ ที่เรารักและคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี เหล่านี้ เป็นประสบการณ์ที่เราต่างพบเจอกับสภาวะเวลาไหลผ่านกันมาแล้วนักต่อนัก ไม่ว่าจะปรากฏการณ์ ‘ขออีกตา’ ในซีรีส์ Civilization ไปจนถึงการทุ่มเทเวลาอย่างสมบุกสมบันในเกมสวมบทบาทอย่าง The Elder Scrolls ในแต่ละภาค (ที่อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลาประมาณ 40 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำในการจบหนึ่งรอบการเล่น ไม่นับการดัดแปลงด้วย Mod และเนื้อหาเสริมอีกจำนวนมหาศาลให้เลือกเล่น…) นั่นคือคุณสมบัติของวิดีโอเกมที่เชื่อว่าหลายคนน่าจะต้องเคยผ่านมันมาบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อย กระนั้นแล้ว ภายใต้สภาวะการไหลผ่านของเวลาที่รวดเร็วโดยไม่รู้ตัวเมื่อพาตนเองจมอยู่กับความสนุกของชิ้นงานเกม มันได้กลายมาเป็นคำถามสำคัญว่า  แท้จริงแล้ว ‘ความยาว’ ที่เกมหนึ่งๆ ควรจะมีนั้น สำคัญมากน้อยแค่ไหนในโลกยุคปัจจุบัน? แน่ล่ะ เราอาจจะอนุมานเอาได้ว่า ยิ่งมากก็ยิ่งดี เมื่อพิจารณาในแง่ของความคุ้มค่าของชิ้นงานต่อราคาที่ผู้เล่นจะต้องจ่ายเพื่อให้ได้ความสนุกที่ว่า (ที่ราคาเกมออกใหม่ก็มักอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐฯ โดยเฉลี่ยในปัจจุบัน…) แต่มันก็ยังคงมีความลักลั่นอยู่ ภายใต้การหาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างความยาวของเกม กับประสบการณ์ที่ผู้เล่นจะได้รับในชิ้นงานนั้นๆ (เพราะวิดีโอเกม คือสื่อความบันเทิงชนิดหนึ่ง การที่เราจะถือเรื่องจำนวนเป็นประกาศิตราวกับว่าเป็นแพ็คม้วนกระดาษชำระ ห่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาม่า หรือยกโหลน้ำยาปรับผ้านุ่มก็คงจะเป็นการเทียบที่ผิดฝาผิดตัวไปสักนิด…) เช่นนั้นแล้ว ความลักลั่นของคำถามเหล่านี้จะไปจบลงที่จุดไหน? และหนทางแบบใดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับชิ้นงานเกม? ผู้เขียนเองก็มีประสบการณ์การเล่นเกมมาไม่น้อย เคยผ่านเกมที่เล่นอย่างยาวนานซ้ำไปซ้ำมาด้วยจำนวนเวลานับร้อยชั่วโมง หรือประสบการณ์กับเกมอินดี้สัญชาติเบลเยียม ที่มีจำนวนเวลาการเล่นสั้นที่สุดเพียง 5 นาทีจบในสนนราคา 99 บาทไทย (และเป็นสิ่งที่จดจำลืมไม่ลงเพราะไม่เคยเจอชิ้นงานแบบ Experimental เช่นนี้มาก่อนในชีวิต เป็นความเหวอที่ฝังใจไปอีกนาน…) และได้ข้อสรุปกับตนเองเอาไว้อย่างหนึ่งว่า บางที จำนวนเวลาอาจจะไม่ได้สำคัญมากนัก ตราบเท่าที่มันยังมี ‘คุณภาพ’ ของการใช้เวลานั้นๆ ได้อย่างครบถ้วน เพราะไม่ว่าจะเวลานับพันกว่าชั่วโมงในรอบเจ็ดปีที่ผู้เขียนทุ่มเทลงไปในเกมออนไลน์อย่าง Final Fantasy XIV Online หรือเวลาไปกว่าสองร้อยชั่วโมงกับ XCOM2 ผ่านการเล่นซ้ำห้ารอบ ทั้งหมด ถ้าเราได้รับความสนุกจากมัน ถ้ามันเคารพเวลาที่เรามีให้ และเป็นความคุ้มค่าที่ผ่านการ Crafted เป็นอย่างดี และเป็นสิ่งที่ผู้สร้างได้พิจารณาแล้วว่า เป็นจำนวนเวลาที่เหมาะสมสำหรับประสบการณ์การเล่นนั้นๆ เรื่องจำนวนเวลาหรือความยาวเกมอาจจะไม่ใช่สาระสำคัญที่ต้องเอามาใส่ใจ กระนั้นแล้ว ไม่ใช่ทุกชิ้นงานจะสามารถเข้าถึงสมดุลระหว่างปริมาณและคุณภาพได้อย่างเหมาะสม หลายเกมเลยทีเดียว ที่โฆษณาตนเองเอาไว้ว่ามีจำนวนชั่วโมงการเล่นที่ยาวนานนับร้อยชั่วโมง ก็เป็นเพียงกิจกรรม Sandbox ซ้ำๆ หรือภารกิจที่น่าเบื่อหน่ายที่ถูกวนเวียนมาให้ทำอย่างไม่รู้จบ มีส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องที่ถูกใส่เข้ามาอย่างมากมายเพียงเพื่อจะได้เอามาทบเป็นจำนวนชั่วโมงที่ยาวนาน ให้ผู้ซื้อรู้สึกถึงความคุ้มค่าต่อราคาที่ต้องจ่ายไปมากที่สุด ที่กลับกลายมาเป็นความทรมานและไม่หลงเหลือสิ่งใดให้จดจำ หรืออยากจะกลับไปเล่นมันซ้ำอีกครั้ง (หรือที่สำนวนภาษาอังกฤษใช้ว่า wear out of ones welcome หรือนานเกินกว่าความจำเป็น...) แน่ล่ะ เรื่องของสนนราคาเองก็เป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาในความคุ้มค่าที่ผู้เล่นจะได้รับจากการจับจ่ายซื้อหามันมาเล่น (ที่นับวันจะยิ่งสูงขึ้นตามขนาดของอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด) แต่ก็อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น ถ้าเกมนั้นมีปริมาณความยาว เพื่อสักแต่ว่าจะยาว แต่เต็มไปด้วยคุณภาพที่ย่ำแย่ ปัญหาทางเทคนิคอย่างมากมาย หรือมีเนื้อหาที่น่าเบื่อหน่ายไม่ชวนให้จดจำ การจะทุ่มเทเล่นมันคงไม่ต่างอะไรกับการบำเพ็ญเพียรทุกกรกิริยาที่ไม่น่าจะพาเราไปถึงการรู้แจ้งอะไรมากมายนัก และเราก็คงรู้สึกเหมือนเอาเงินไปโปรยทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์เสียมากกว่า (และในทางกลับกัน เกมที่สั้นจนเกินงามในสนนราคาที่ไม่เหมาะสมก็ถือเป็นจำเลยในคดีนี้ได้อย่างไม่ต่างกัน...) อนึ่ง ผู้เขียนคงไม่ขอไปชี้ขาดตัดสินในเรื่องของการใช้เวลาอย่างมีคุณภาพของพี่ๆ เพื่อนๆ ผู้อ่านแต่ละท่านว่าจะเลือกใช้เวลาไปกับชิ้นงานใด หรือเกมไหน ที่มีความคุ้มค่าในจำนวนเวลาที่มันมอบให้ (เพราะมันเป็นเรื่องที่อัตวิสัยความคิดใครความคิดมันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว…) แต่สำหรับผู้สร้างแล้ว พวกเขาทั้งหลายต่างก็มุ่งหมายใจที่จะมอบประสบการณ์อันมีความหมาย ความสนุกสนานที่พร้อมจะมอบให้ และจำนวนเวลา ก็เป็นตัวแปรผันตรงที่ทีมสร้างได้พิจารณาเอาไว้แล้วว่า มัน ‘อาจจะ’ เหมาะสมภายใต้เงื่อนไขและโจทย์ดังกล่าว ซึ่งในบั้นปลายแล้ว ก็ต้องเป็นผู้เล่น ที่จะเป็นคนตัดสินว่า ความยาวที่ชิ้นงานเกมหนึ่งๆ ได้มอบให้ มีความสนุกคุ้มค่ามากแค่ไหน ภายใต้ปัจจัยแวดล้อมเสริมอย่างราคาและคุณภาพของเกมการเล่น ในตอนนี้ ผู้เขียนพึ่งจบภารกิจของ Persona 5 Royal ด้วยจำนวนเวลา 140 ชั่วโมงไปหมาดๆ ซึ่งแม้ว่ามันจะยาว แต่ก็เป็นความยาวที่คุ้มค่า เป็นงานสร้างที่ผ่านการคิดคัดสรรค์เป็นอย่างดี เป็นงานระดับ ‘Crafted’ ชั้นเยี่ยมที่จะติดตรึงฝังทนในความทรงจำไปอีกนาน และวาดหวังเอาไว้ว่า Final Fantasy VII Remake ที่พึ่งได้แผ่นมา จะมอบประสบการณ์ที่ดีไม่แตกต่างกัน รวมทั้ง Resident Evil 3 Remake ที่ต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตารู้กับมือ ว่ามันจะคุ้มค่าแม้จะถูกครหาเรื่องเวลาการเล่นมากน้อยแค่ไหน เพราะเช่นเดียวกับทฤษฏีสัมพัทภาพของไอน์สไตน์ เราต่างพึงพอใจที่จะใช้เวลาที่มีคุณภาพไปกับสิ่งที่ดี ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม และให้ความบันเทิงเริงใจ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใด นั่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการเล่นวิดีโอเกม เพราะ ‘ความสนุก’ ก็ยังเป็นสิ่งที่ใช้ชี้ขาดได้ในบั้นปลายท้ายสุด ที่มันควรจะทำให้เรารู้สึกราวกับนั่งคุยกับสาวสวยที่ช่วยให้เวลาไหลผ่านอย่างรวดเร็ว มากกว่าต้องไปนั่งบนเตาไฟอย่างไม่รู้ว่าความทรมานที่แม้เพียงสักนาทีก็ถือว่าเกินกว่าจะทนได้จะจบลงเมื่อใด...  
13 Apr 2020
สรุปคะแนนรีวิวเกม Persona 5 Royal จากสื่อต่างประเทศ
หลังจากที่ทนดูคนญี่ปุ่นเล่นนำหน้าไปก่อนหลายเดือน ในที่สุดวันที่แฟนๆ เกม JRPG ทั่วโลกรอคอยก็มาถึงแล้ว กับวันวางจำหน่ายเกม Persona 5 Royal เกม JRPG ระดับตำนานฉบับปรับปรุงใหม่ ที่เพิ่มเนื้อหามากมายให้กับเกมที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดเกมหนึ่งในยุคคอนโซลปัจจุบันเลยทีเดียว แน่นอนว่าเมื่อมีการวางจำหน่ายเกมฟอร์มใหญ่แบบนี้ สื่อเกมหลายสำนักก็ออกมาเผยแพร่บทความและคะแนนรีวิวเกมภาคใหม่กันอย่างคึกคัก และเพื่อให้เพื่อนๆ เห็นภาพมากขึ้นว่าสื่อเกมหลายสำนักมีความเห็นต่อเกมอย่างไร เราจึงรวบรวมคะแนนรีวิวและความเห็นจากสื่อมาสรุปให้อ่านกันคร่าวๆ ก่อน ในระหว่างที่เรากำลังรีวิวเกมด้วยตัวเอง ในขณะที่ผู้เขียนกำลังเขียนบทความนี้ ในเว็บ Metacritic ได้มีการรวบรวมคะแนนรีวิวจากสื่อถึง 51 สำนัก และมีคะแนนเฉลี่ยอยู่ที่ 95/100 คะแนน โดยมีสำนักสื่อเด่นๆ ให้คะแนนกันดังนี้: PlayStation Lifestyle: 100/100 Game Informer: 93/100 RPGamer: 90/100 Twinfinite: 90/100 DualShockers: 90/100 The Gamer: 70/100 ถ้าให้พูดกันจริงๆ คะแนนจากสื่อแทบทุกสำนักจะลอยตัวอยู่ที่ประมาณ 90 ขึ้นไป โดยสื่อแทยทุกสำนักกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเกม Persona 5 Royal สามารถพัฒนามาตรฐานเนื้อเรื่องและเกมเพลย์อันเป็นเลิศจากเกมภาคต้นฉบับขึ้นไปได้อีกระดับ แถมเนื้อหาที่เพิ่มมาใหม่ก็ยังช่วยเสริมประสบการณ์ของเกมให้ลึกยิ่งขึ้น รวมไปถึงเนื้อเรื่องช่วงท้ายที่เพิ่มใหม่ทั้งหมดในภาคนี้ ซึ่งทำให้ตอนจบของเกมน่าจดจำมากยิ่งกว่าเดิม มีเพียงสื่อสำนักเดียวคือ The Gamer ที่ดูจะไม่ได้ปลื้มใจกับเกมเท่าไหร่นัก โดยผู้เขียนรีวิวกล่าวว่าเขาไม่ได้รู้สึกว่าเนื้อหาใหม่ๆ ช่วยเสริมประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วของภาคก่อนหน้าเท่าไหร่เลย แถมยังรู้สึกว่าเนื้อเรื่องส่วนที่เพิ่มมาไม่ได้มีความจำเป็น เหมือนผู้พัฒนาใส่ส่วนนี้เพื่อทำให้เกมมีความยาวเพิ่มขึ้นไปอย่างงั้นเอง ทั้งนี้ สื่อหลายๆ สำนักให้ความเห็นตรงกันว่าแม้เกม Persona 5 Royal จะพัฒนาองค์ประกอบของ Persona 5 ต้นฉบับได้มาก แต่สุดท้ายเนื้อเรื่องไม่น้อยกว่า 80% ของเกมก็ยังเป็นเนื้อเรื่องเดิม จึงอาจจะไม่ได้คุ้มค่าขนาดนั้นสำหรับคนที่เคยเล่นเกมดั้งเดิมไปแล้ว แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นนั้น ทุกสำนักออกความเห็นว่านี่เป็นโอกาสอันดี ที่จะได้สัมผัสกับเกม JRPG ระดับแนวหน้าในฉบับที่สมบูรณ์ที่สุดเช่นกัน แล้วรออ่านรีวิวจาก GameFever ได้เร็วๆ นี้จ้า! ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
31 Mar 2020
Persona 5 Royal ปล่อย Trailer ตัวใหม่ โชว์คะแนนรีวิวจากค่ายต่างๆ
ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วกับวันวางจำหน่าย Persona 5 Royal ซึ่งถ้าเกิดว่าเป็นคนที่เคยเล่น Persona 5 ธรรมดามาก่อนแล้ว คงจะไม่ต้องพูดอะไรมาก ก็สามารถเข้าใจความยอดเยี่ยมของเกมนี้ได้อยู่แล้ว การกลับมาอีกครั้งนี้พร้อมกับเนื้อเรื่องใหม่ และกราฟิกของเกมที่ถูกอัพเกรดขึ้นมานิดหน่อย รวมไปจนถึงพื้นที่ใหม่ๆ จึงเป็นอะไรที่ทำให้แฟนๆ ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ส่วนสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนเลย Trailer ตัวใหม่ของเกมคงจะพอบอกเล่าถึงความยอดเยี่ยมของเกมนี้ได้ครับ! PlayStation ได้ปล่อยวิดีโอตัวใหม่ในชื่อ Accolades Trailer ซึ่งเป็นการโชว์คะแนน และคำพูดรีวิวเกมจากค่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น US Gamer, PlayStation Lifestyle, DualShockers ,Gameinformer และค่ายอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมในซีรีส์นี้มาก่อนเลยก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเนื้อเรื่องของเกมซีรีส์นี้ จะไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยในแต่ละภาค ยังไงช่วงนี้ก็ต้องโดนกักตัวอยู่แล้ว Persona 5 Royal ก็ดูเป็นตัวเลือกเอาไว้เล่นแก้เบื่อที่ดีครับ Persona 5 Royal จะวางจำหน่ายในวันที่ 31 มีนาคม 2020 นี้ บนเครื่อง PS4 เท่านั้น Credit: Gamingbolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
26 Mar 2020
แผ่น Persona 5 Royal (ENG) วางจำหน่ายล่วงหน้าแล้วในออสเตรเลีย
อีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก็จะถึงวันวางจำหน่ายของเกม Persona 5 Royal แล้ว น่าจะเป็นวันที่มีเกมเมอร์หลายคนเฝ้ารอคอย เพราะจะได้มีโอกาสสัมผัสฉบับปรับปรุงใหม่ของเกม JRPG ชื่อดัง ที่ได้รับการขนานนามให้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์ที่น่าจับตามองที่สุดในช่วงหลายปีมานี้ (ที่สำคัญคือเกมมีความยาวพอสมควร เล่นเพลินๆ ระหว่างกักตัวอยู่บ้านได้อีกนาน 555) แต่ล่าสุด ดูเหมือนว่าเกมเมอร์แดนจิงโจ้จะได้ส้มหล่นก่อนใครเพื่อน เมื่อร้านขายเกมเครือดังประจำพื้นที่ EB Games ได้ออกมาประกาศอย่างกระทันหันเมื่อวานนี้ว่าร้านจะเริ่มขายแผ่นเกม Persona 5 Royal แล้วตั้งแต่วันนี้ และให้ลูกค้าที่สนใจสามารถสอบถามร้านสาขาใกล้เคียงได้เลย Hey there, Persona 5 is available from today. We recommend reaching out to your local store directly to confirm their stock has been processed and is available for collection. - Mac — EB Games Australia (@EBGamesAus) March 25, 2020 ถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ร้านเกมเครือใหญ่อย่าง EB Games จะตั้งใจแหกกำหนดการวางจำหน่ายเกมของผู้พัฒนาเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีผู้จัดจำหน่ายเกมเข้าอื่นๆ เอาอย่างกับเขาบ้างก็เป็นได้ ชาวไทยเราก็รอลุ้นกันว่าจะมีใครเอาของมาปล่อยล่วงหน้าบ้างไหม!!! Credit: Siliconera ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
25 Mar 2020
I am thou.Thou art I : จากมหาสมุทรแห่งวิญญาณสู่ปูมบันทึกแห่ง Persona 5 Royal
หมายเหตุ : บทความนี้ ผู้เขียนเคยเผยแพร่ในกลุ่ม Persona 5 Community Thai เมื่อประมาณสามปีก่อน แต่นำมาดัดแปลงเพิ่มเติม และนำเสนออีกครั้งเพื่อให้เข้ากับภาค Royal ที่กำลังจะวางจำหน่ายในเร็ววันใน ณ ขณะที่ผู้เขียนพิมพ์บทความชิ้นนี้อยู่ หมายเหตุ 2 : บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญอย่างเข้มข้น ผู้ที่อยากสัมผัสเรื่องราวด้วยตนเองโปรดหลีกเลี่ยง หรือใช้วิจารณญาณในการอ่าน *********************************************************************************************************** และแล้วคะแนน Metacritics ของ Persona 5 Royal ก็แทบจะไม่ผิดโผไปจากที่คาด ด้วยการกวาดคำชมจากทุกสำนักอย่างถล่มทลาย และมากกว่าภาคหลักที่วางจำหน่ายในปี 2017 ด้วยคุณภาพและเนื้อหาที่เติมเข้ามาจนล้นทะลักแบบคับแก้ว และขึ้นแท่นชิงตำแหน่ง RPG of the Year ไปแล้วล่วงหน้าแบบไม่ต้องถามหาความเห็นจากกรรมการท่านใดอีก สำหรับผู้เขียน ประสบการณ์ที่เคยได้รับจากเกมภาค 5 นั้นคือ ‘ครั้งแรก’ กับซีรีส์ Persona และความยอดเยี่ยมของมัน ก็ทำให้ตะบันเล่นจนแทบลืมอายุ ลืมเวลา กดไปแล้วกว่า 300 ชั่วโมงในสามรอบการเล่นที่แสนประทับใจ เพราะครบเครื่องไปด้วยเนื้อหาสุดเฉียบ อินเตอร์เฟซสุดล้ำ เกมการเล่นที่สร้างสรรค์ไร้รอยสะดุด และประเด็นแฝงอันละเมียดละไมของการเคลื่อนไหวทางสังคม เป็นผลงาน JRPG เพชรน้ำเอกจากทีม P-Studio ค่าย Atlus ที่ยากจะปฏิเสธหรือมองข้ามความสุดยอดเหล่านี้ไปได้ แน่นอนว่าในขณะที่ผู้เขียนพิมพ์บทความชิ้นนี้เพิ่มเติม ก็เหลือเวลาอีกสองสัปดาห์ ที่ภาค Royal จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มีนาคม ที่ก็เชื่ออย่างเหลือใจว่า คงจะได้กดจนลืมอายุ ลืมเวลากันอีกครั้ง ด้วยสัมผัสการเล่นที่ใหม่หมดจด และรสชาติที่อร่อยลิ้นสนุกมือสมค่ากับที่เฝ้าคอยตามหลังเวอร์ชันญี่ปุ่นถึง 6 เดือนเต็ม และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ซีรีส์ Persona นั้นน่าสนใจ ก็คงจะหนีไม่พ้นบรรดา ‘พลังแฝง’ หรือ Persona ของตัวละครหลัก ที่มีปูมหลัง เรื่องราว และที่มาที่ไปอันน่าสนใจ ที่ล้อไปกับตัวตนของตัวละคร ‘กองโจรขโมยใจ’ กลุ่มวัยรุ่นมากพลังและความฝันที่จะกำราบเหล่าคนพาล อภิบาลสังคมให้เป็นไปในทางที่ดี และนั่น จึงเป็นที่มาของการเผยแพร่บทความชิ้นนี้กันอีกครั้ง เพื่อต้อนรับการมาถึงของ Persona 5 Royal .... https://www.youtube.com/watch?v=vWWy7V9rCrA ทั้งนี้ ขอออกตัวกันก่อนล่วงหน้า ว่าบทความชุดนี้ เป็นเพียงการใช้ประสบการณ์งานเขียนเพื่อนำเสนอแง่มุมปลีกย่อยที่น่าสนใจในเชิงประวัติ ความเป็นมา และการอ้างอิงของข้อมูล Persona หลักๆ ที่ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า การหยิบจับ Trivia ของทีม Atlus ผู้สร้างนั้น สามารถต่อยอดไปสู่แง่มุมใหม่ๆ ที่อาจจะช่วยให้การเล่นมีสีสันขึ้น และเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล ซึ่งไม่ได้มีเพื่อชี้ถูกผิด หากแต่เป็นไปเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ขยายมุมมองให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น เพราะมันก็ยังเป็นอะไรที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย... ว่ามหาสมุทรแห่งวิญญาณ (Sea of Souls) นั้น จะมีเรื่องราวอันใดที่อยากบอกกล่าวกันแก่เราบ้าง…. *********************************************************************************************************** //Arsene: จอมโจรปริศนา ผู้เข่นฆ่าความฉ้อฉล// “ปลดปล่อยความกราดเกรี้ยว สะบัดมีดจู่โจมศัตรูที่อยู่ตรงหน้า ออกเข่นฆ่าให้สาใจ พลังทั้งหมดข้าขออุทิศให้เพื่อเจ้า!!” Arsene ด้วยธีมหลักของภาคห้าที่ข้องเกี่ยวกับ ‘จอมโจร’ นี้เอง ที่ทำให้ Shigenori Soejima นักออกแบบตัวละครหลักของทีม Atlus ได้เลือกที่จะดัดแปลงหัวใจหลักของตัวละคร ‘จอมโจรพันหน้า’ สุดอมตะอย่าง อาร์แซนน์ ลูแปง (Arsene Lupin) จากอมตะนวนิยายของ มัวรีซ เลอร์บลังค์ (Maurice Leblanc) ให้กลายมาเป็น Persona หลักของตัวเอก อามามิยะ เร็น ผู้ฉีกกระชากหน้ากากของตนเอง เพื่อปลดปล่อยความแค้นคลั่งต่อความอยุติธรรม และนำส่งความยุติธรรมในรูปแบบและหนทางของตนเอง อนึ่ง แม้ Arsene Lupin จะเป็นตัวละครจอมโจรจากปลายปากกาของ Maurice Leblanc นักเขียนชาวฝรั่งเศสที่มีชีวิตในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 แต่เรื่องราวของอาร์แซนน์ ลูแปง จอมโจรพันหน้า ก็มีความคาบเกี่ยวกับการเป็นนักสืบกับคดีปริศนาอยู่ไม่น้อย เพราะซีรีส์นี้ ถูกให้ระดับความสำคัญเทียบเท่ากับยอดนักสืบ Sherlock Holmes ของ Sir Arthur Conan Doyle (ถึงขนาดที่มีเรื่องให้ขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะ Leblanc เคยจับสองคู่ปรับมาประจันหน้ากันในเรื่องสั้น Arsene Lupin vs Herlock Sholmes ที่ Leblanc ถึงกับต้องเปลี่ยนชื่อหนีเพื่อกันครหาเลยทีเดียว) แต่นอกจากการเป็นสุภาพบุรุษจอมโจรแล้ว เนื้อหาในเรื่องสั้นที่นำแสดงโดย Arsene Lupin นั้น หลายครั้งทีเดียวที่เกี่ยวข้องกับความเป็นแฟนตาซีและสิ่งเหนือธรรมชาติ เช่น เทพเจ้าแห่งกัมมันตรังสี บ่อน้ำพุแห่งความเยาว์วัย จนถึงการต่อสู้กับ Josephine Balsamo หรือ Countess Cagliostro คนรักและคู่ปรับตลอดกาลของเขา แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ก็ต้องยอมรับกันโดยดี ว่าวีรกรรมจอมโจรสุภาพบุรุษ ผู้สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ ปลอมแปลงเป็นได้ทุกคน มุ่งเป้าจารกรรมของมีค่าที่หมายตาไว้อย่างไม่มีพลาด และการส่งจดหมายสนเท่ห์ (Calling Card) เพื่อประกาศภารกิจของตนเองอย่างองอาจ ก็เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับความเป็นจอมโจรขโมยใจของ Persona 5 เช่นอามามิยะ เร็น หรือ Joker หัวหน้าทีมผู้นี้ก็เป็นได้ [Trivia] -แม้จะไม่มีการบันทึกอย่างเป็นทางการว่าต้นแบบของ Arsene Lupin นั้นมาจากที่ใด แต่กลุ่มนักวิชาการด้านวรรณคดีก็คาดกันว่า Leblanc ได้แรงบันดาลใจมาจาก Marius Jacob จอมโจรนักก่อความไม่สงบชื่อดังของฝรั่งเศส ที่มีความสามารถในการงัดแงะ โจรกรรม และมีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างล้นเหลือที่ก่อการอย่างอุกอาจในช่วงทศวรรษที่ 30 -มาถึงจุดนี้ ชัดเจนแบบไม่ต้องสืบ ว่าร้านคาเฟ่ Leblanc ของลุงโซจิโร่ ซากุระนั้น มีที่มาจากไหน -มังงะและอนิเมชันเรื่อง Arsene Lupin III หรือจอมโจรลูแปง ของ คาซุฮิโกะ คาโตะ (Kazuhiko Kato) หรือนามปากกา ‘Monkey Punch’ นั้น ไม่อาจใช้ชื่อ Lupin ได้ในช่วงแรกในฝั่งตะวันตกเนื่องจากติดลิขสิทธิ์จากงานเขียนของ Leblanc ซึ่งต้องใช้เวลานานนับทศวรรษทีเดียว กว่าที่ชื่อของ ‘จอมโจรลูแปงรุ่นที่สาม’ จะผงาดในโลกแห่งการ์ตูนระดับสากล -เดิมที ทางคุณ Katsura Hashino ตั้งใจจะให้ Persona ของอามามิยะ เร็นนั้น เป็นเทพมาร Mephistopheles แต่ล้มเลิกความคิด เมื่อไอเดียของ Arsene นั้น ดูเข้าท่าและเข้ากับธีมเกมมากกว่า -ใครสนใจอยากหาภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับสุภาพบุรุษจอมโจรนี้มาดู ลอง Arsene Lupin หนังฝรั่งเศสของผู้กำกับ Jean-Paul Salome มาดูกันได้ อาจจะหายากสักหน่อย เพราะตัวหนังนั้นเก่าแก่ตั้งแต่ปี 2004 เข้าไปแล้ว… *********************************************************************************************************** //Captain Kidd: โจรขบถผู้ปลดบังเหียน// “ไหนๆ ก็ถูกทำให้ชื่อแปดเปื้อนแล้ว ไม่สู้ชูธงแล้วล้างบางมันให้เหี้ยนไปเลยล่ะ? ธงกะโหลกไขว้คือสัญญาณแห่งตัวตนใหม่ของเจ้าอย่างไงล่ะ!” Captain Kidd ในบรรดาสัญลักษณ์ของ ‘ขบถ’ อันสุดคลาสสิคนั้น คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า ‘โจรสลัด’ คือตัวแทนที่มีความชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย ท่ามกลางยุคสมัยแห่งการเดินเรืออันเฟื่องฟูช่วงศตวรรษที่ 17 ที่ดินแดนอเมริกากลางคือขุมทองแห่งใหม่ ผู้ที่แสวงหาโชค หาทางปลดบังเหียนตนเองจากการควบคุมของประเทศแม่อันกดขี่เพื่อชี้ชะตาตนเอง นี่คือภาพจำของโจรสลัดในรอบระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา จากบรรดาสื่อชนิดต่างๆ ตั้งแต่วรรณกรรม ภาพยนตร์ และวิดีโอเกม และในบรรดาโจรสลัดผู้โด่งดังในยุคนั้น William Kidd หรือ Captain Kidd คือหนึ่งในตัวอย่างของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความอยุติธรรมแห่งระบบ จากนักเดินเรือผู้มีชาติตระกูลอันสูงส่ง เดินทางสู่แผ่นดินใหม่สร้างชื่อเสียงของตนเองในฐานะนักล่าโจรสลัด ก่อนที่อุบัติเหตุอันไม่คาดฝันจะทำให้เขาถูกตราหน้าจากทางการว่าเป็นโจรสลัด สิ่งที่เขาประกาศศึกมาค่อนชีวิต แต่แทนที่เขาจะยอมจำนนต่อโชคชะตา เขากลับโบกธงกะโหลกไขว้ โอบรับตัวตนใหม่ในฐานะจอมโจร และสร้างศักราชแห่งการปล้นชิงในยุคทองแห่งโจรสลัด (Golden Age of Piracy ) ร่วมกับเหล่าคนดังอาทิ เคราดำ Edward ‘Blackbeard’ Thatch, เทพโจรสลัดไร้เทียมทาน Batholomew ‘Black Bart’ Robert (ผู้จมกองเรือของทางการได้ถึง 250 ลำในตลอดระยะเวลาสี่ปีที่ปฏิบัติการณ์ในย่านทะเลอเมริกาใต้), Jack ‘Caligo Jack’ Rackham และ Henry Every ก่อนที่เขาจะพ่ายแพ้การรบทางเรือ โดนส่งตัวกลับไปไต่สวนที่ประเทศอังกฤษ และตัดสินประหารชีวิตด้วยการแขวนคอปิดฉากชีวิตในท้ายที่สุด และด้วยประวัติอันโลดโผนและจุดเริ่มต้นของการถูกทำให้แปดเปื้อน บวกกับบุคลิกอันโผงผางสไตล์คนจริงนี้เอง ที่ทำให้เป็นเหตุผลให้ทีมสร้าง เลือกที่จะใช้ Captain Kidd เป็นตัวแทนของ ซากาโมโตะ ริวจิ เจ้าหนุ่มหัวทองแห่งกลุ่มกองโจรขโมยใจ เพราะสำหรับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับชีวิตนักกรีฑาอย่างเขาโดยอาจารย์สุดฉ้อฉลนั้น ไม่มีสิ่งใดที่จะช่วยให้เจ้าหนุ่มริวจิได้ระเบิดความพลุ่งพล่านได้ดีเท่ากับการ ‘เท’ ข้ออ้างทุกอย่างทิ้ง กระชากหน้ากากและโบกธงแห่งโจรสลัดเพื่อล้างบางทุกสิ่งที่ผ่านทางเข้ามาให้เหี้ยนเตียนราบเป็นหน้ากลองภายใต้ชื่อ ‘Skull’ ไอ้กะโหลกผู้บ้าคลั่งอีกแล้ว [Trivia] -นอกเหนือจากชีวิตอันโลดโผนของ William Kidd ตั้งแต่วีรกรรมปล้นชิงจนถึงวาระสุดท้ายในความตายจะเป็นที่กล่าวขานแล้ว ตำนาน ‘ขุมทรัพย์’ ของเขาก็เป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงอยู่บ่อยครั้ง และเชื่อว่า เขาอาจจะล่องเรือมาฝังขุมทรัพย์ไกลถึงฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณฝั่งเวียดนามเลยทีเดียว (ซึ่งแน่นอนว่า มีนักล่าขุมทรัพย์สองคู่หู Cork Graham และ Richard Knight หาเรื่องลองดีในปี 1983 ก่อนจะโดนทางการเวียดนามคุมตัวข้อหาเข้าดินแดนโดยผิดกฎหมาย เจอค่าปรับไปคนละ 10000 เหรียญสหรัฐฯ และนอนคุกอยู่ 11 เดือนโดยไม่พบขุมทรัพย์ไปตามระเบียบ…) -ใครสนใจวิดีโอเกมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ช่วงรุ่งเรืองของโจรสลัด ขอแนะนำ Assassin’s Creed 4 : Black Flag เพราะเล่นกับช่วงเวลาดังกล่าวได้อย่างเฉียบคมและเกมการเล่นก็ดีมากๆ เป็นอีกหนึ่งภาคที่ประสบความสำเร็จของ Ubisoft Montreal  *********************************************************************************************************** //Carmen: ยั่วเย้าด้วยเรือนกาย เพื่อเป้าหมายแห่งใจตน// “ใครกันล่ะที่จะชำระแค้นให้เพื่อนผู้น่าสงสารของเธอ? การให้อภัยไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป และไม่มีสิ่งใดที่จะถูกแก้ไขจากการอดทนข่มกลั้นเช่นนี้หรอกนะที่รัก…” Carmen ในโลกแห่งวรรณกรรมหลายต่อหลายชิ้น บุคลิกลักษณะตัวละครหนึ่งที่มักจะพบเห็นได้บ่อยครั้งอย่าง ‘หญิงโฉด (Femme Fatale)’ นั้น ดูจะเป็นความคลาสสิคที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้ (เช่น ลิ้มเซียนยี้ สตรีงามใจทรามในมีดบินลี้คิมฮวงของโกวเล้ง) และ Carmen ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครหญิงโฉดที่แม้จะไม่คุ้นหูสำหรับคนไทยมากนัก แต่สำหรับระดับสากล เธอคือหนึ่งในสตรีโฉดตัวแม่ที่โด่งดังมายาวนานนับศตวรรษ Carmen เป็นตัวละครสมมติจากปลายปากกาของ พรอสแพร์ แมรีเม (Prosper Merimee) นักเขียนชาวฝรั่งเศส ก่อนจะถูกแปลงเป็นละครเวทีโดย ยอร์จ บีแซร์ (George Bizet) ในปี 1875 โดย Carmen นั้น คือสตรียิปซีผู้มีความงามอันยากจะละสายตา แต่มีจิตใจที่ริษยาและโหดเหี้ยม รวมถึงไม่หวั่นไหวในยามที่จะใช้เสน่ห์ของตนเองเพื่อล่อลวงให้บุรุษที่เธอหมายตา กระทำสิ่งที่เธอต้องการ ก่อนจะสลัดรักทิ้งไปอย่างไร้เยื่อใย แต่กระนั้น  Carmen ก็จัดได้ว่าเป็นตัวละครที่มีความเป็น Feminist สูงมากในแวดวงวรรณกรรม ทั้งจากพฤติกรรมการกินเหล้าสูบบุหรี่ ไม่ยี่หระต่อกฎเกณฑ์จารีตใดๆ จนถึงการยืนยันหนทางแห่งความเสรีของตนเอง ภายใต้โลกแห่งบุรุษเป็นใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่ในยามที่เสียชีวิตจากคมดาบของชายที่รักเธอ (พร้อมวรรคทอง ‘Carmen จักเป็นผู้มีเสรีภาพตลอดไป [Carmen will always be Free]) และสำหรับสตรีโฉดผู้มีหัวใจอันเสรีเช่น Carmen พฤติกรรมจำต้องทนของ ทาคามากิ แอน หนึ่งในตัวละครของ Persona 5 นั้น ก็เป็นสิ่งที่เกินกว่าจะรับได้ การปลดปล่อย Persona ในโมงยามที่แอนได้ตระหนักว่า ไม่มีประโยชน์ใดจะเกิดขึ้นจากการยอมอยู่ภายใต้สภาวะจำทนจากบุรุษใจโฉดที่มุ่งหาประโยชน์และพรากทุกสิ่งไปจากเธอ คือฟางเส้นสุดท้ายที่เธอพร้อมจะสลัดหน้ากากของความกลัว ปลดปล่อยหัวใจที่พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนเองไปถึงเป้าหมาย ไม่มีหยุด ไม่มีรั้งรอใดๆ ทั้งสิ้น [Trivia] -แม้ Carmen จะถูกเขียนขึ้นโดยนักเขียนฝรั่งเศสอย่างแมรีเม แต่เรื่องราวทั้งสี่องก์นั้นจะยืนพื้นที่ประเทศสเปนเป็นหลัก ทั้งจากการที่ Carmen เป็นสาวยิปซี และฉากการสู้วัวกระทิงที่เป็นไฮไลท์หลักของละครเวทีในตอนท้าย -ละครเวที Carmen นั้น อาจจะถือได้ว่าเป็นการแหกขนบครั้งใหญ่ของแวดวงละครเวทีฝรั่งเศสในปี 1875 ทั้งจากพฤติกรรมที่ผิดศีลธรรม (ตามมาตรฐานช่วงเวลา), ผู้หญิงกับชีวิตอันโลดโผนไม่เป็นกุลสตรี จนถึงความตายของตัวละครหลักในตอนจบ ที่ทำให้ละครเวทีเรื่องนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในช่วงเวลาที่มันได้ออกแสดงพักใหญ่ (และเป็นเหตุผลที่ทำให้ทั้งละครเวที กับนวนิยาย ได้รับความสนใจขึ้นมาในฐานะมิติใหม่ทางการบอกเล่าเรื่องราว) รวมถึงการไม่มีเส้นเรื่องที่ชัดเจนจากความคลุมเครือของนิยาย ทำให้มันเป็นละครเวทีที่มีรูปแบบไม่ซ้ำใคร ขึ้นกับการตีความของผู้จัดแสดงเป็นสำคัญ *********************************************************************************************************** //Goemon: ผู้เดินไต่ในเส้นทางแห่งความงดงามและสิ่งต่ำทราม// “โลกนี้ช่างเต็มไปด้วยความงดงามและสิ่งต่ำทราม หมดเวลาที่จะหันหน้าไปทางอื่น จงลืมตามองความจริง และสั่งสอนพวกมันให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร!” Goemon ตำนานแห่งจอมโจรสุภาพบุรุษหัวขบถนั้น แน่นอนว่าย่อมถูกแต่งแต้มด้วยสีสันอันเร้าใจให้เกิดเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้สัมผัส (ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม) ซึ่ง อิชิคาวะ โกเอมอน ขุนโจรจอมขบถ ก็จัดได้ว่าเป็นวีรบุรุษแห่งตำนานพื้นบ้านของประเทศญี่ปุ่นที่ยังคงถูกขับขานอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แม้จะไม่ได้มีบันทึกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าอิชิคาวะ โกเอมอนผู้นี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาใด แต่ตำนานของเขาในฐานะจอมโจรผู้ก่อการปล้นทรัพย์สินจากคนรวยมาจุนเจือแก่คนจนและผู้ตกทุกข์ได้ยาก ก็นับว่าเพียงพอที่จะทำให้สถานะของเขาขึ้นสู่ความเป็นตำนาน  ยังไม่นับรวมกับความเชื่อที่ว่า เขาเกิดในฐานะลูกชายของตระกูลซามูไร ถูกผลักสู่จุดต่ำ ฝึกฝนวิชานินจาจากสำนักอิงะ และมีวิถีชีวิตอันโลดโผนมีสีสันในทุกครั้งที่เข้าปล้นชิง หรือแม้แต่การสละเวลาเพียงน้อยนิดเพื่อชื่นชมความงดงามของสิ่งละอันพันละน้อยรอบตัว (ดังเช่นที่มีในบทละครคาบุกิ Sanmon Gosan no Kiri ที่โกเอมอน นั่งบนประตูซันมอนแห่งวัดนันเซนจิ เอโดะ (หรือกรุงเกียวโตในปัจจุบัน) พลางละเลียดควันยาสูบจากกล้องเงินขนาดเขื่อง และชื่นชมสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ) แต่แน่นอนว่าชีวิตแห่งขุนโจรไม่เคยจบสวย เพราะเขาได้พบวาระสุดท้ายจากความพยายามที่ผิดพลาดในการลอบสังหาร โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ขุนศึกคนสำคัญแห่งยุคเซงโกกุ ที่ถูกตัดสินโทษตายด้วยการ ‘ต้มทั้งเป็น’ ในหม้อน้ำมันเดือดหน้าวัดนันเซนจิพร้อมลูกชายในบัญชาของโทโยโทมิ จนเป็นที่มาของ ‘หม้อน้ำเดือดโกเอมอน’ (ที่ภายหลัง เป็นอีกหนึ่งประเภทของการแช่น้ำที่ได้รับความนิยมโดยคนญี่ปุ่นทั่วไป) ชีวิตอันโลดโผน สายเลือดซามูไรในวิถีแห่งจอมโจร และวิสัยที่พร้อมรับกับความงดงามแต่ไม่ผ่อนปรนกับความอยุติธรรม และพร้อมจะลงทัณฑ์มันผู้ใดที่กระทำความชั่วช้า คือสิ่งที่สอดคล้องกับ คิตากาวะ ยูสุเกะ หนุ่มศิลปินหัวใจขบถ ผู้ซึ่งปลุก Persona ของตนเอง ในโมงยามที่เขาได้สัมผัสกับความเลวทรามที่ปิดซ่อนของ มาดาราเมะ อิชิริวไซ ผู้ที่เคยเป็นทั้งพ่อและอาจารย์ของตนเอง ซึ่งการเข้าหาวีรกรรมแห่งจอมโจรด้วยวิถีอันงดงามเช่นนี้ เหมาะสมกับหนุ่มศิลปินผู้นี้อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ [Trivia] -ภาพวาด ‘The Execution of Ichikawa Goemon’ ในช่วงศตวรรษที่ 19 จากปลายพู่กันของ Toyokuni Ichiyosai นี้ อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ทีม Atlus เลือกที่จะให้เป้าหมายของยูสุเกะคือ มาดาราเมะ อิชิริวไซ (ด้วยชื่อที่คล้ายคลึง และภาพวาดของโกเอมอนในวินาทีสุดท้ายของชีวิต) -หน้ากากจิ้งจอกของยูสุเกะ ที่ถูกเรียกโดยฟุตาบะ ซากุระว่า ‘Inari’ นั้น มีที่มาจาก ‘Inari Okami’ เทพเจ้าจิ้งจอกแห่งการกสิกรรม อุตสาหกรรม พ่อค้า และนักตีดาบของลัทธิชินโต รวมถึงโกเอมอนที่มีพื้นเพชีวิตเป็นลูกซามูไร จึงไม่แปลก ที่เขาจะใช้ดาบคาตะนะเป็นอาวุธหลัก -เครื่องประดับประจำตัวของยูสุเกะอย่าง ‘พวงกุญแจเงิน’ นั้น อาจจะเป็นการออกแบบโดยใช้กุญแจเป็นสัญลักษณ์ในฐานะผู้แสวงหาคำตอบ ทางออก และในบทบาทจอมโจรขโมยใจที่ตามมาในภายหลัง *********************************************************************************************************** //Johanna: ราชินีขบถผู้ไร้บัลลังก์// “เธอค้นพบหนทางแห่งความยุติธรรมของตัวเองแล้วอย่างนั้นสินะ? จงจดจำวันนี้ไว้ อย่าให้มันหลุดหายไปจากจิตใจอีกเป็นอันขาด…” Johanna การกดขี่นั้นสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายระดับ ทั้งระดับการกระทำทางกายภาพ และการกดขี่ในเชิงระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การกดขี่และความไม่เสมอภาคทางเพศ ที่ทำให้ผู้หญิงต้องลุกขึ้นสู้อย่างไร้หนทาง เดินตามระบบที่ผู้ชายเป็นใหญ่ แม้จะรู้อยู่กับใจว่าสิ่งเหล่านั้นไม่อาจรับประกันได้ถึงปลายทางที่น่าพึงพอใจ และความสำเร็จใดๆ ก็อาจจะถูกลบล้างราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น เช่นตำนานของ ‘โป๊บโยน’ ผู้ซึ่งดำรงในฐานะตำนานของพระสันตะปาปาหญิงเพียงองค์เดียวในประวัติศาสตร์คริสต์ศาสนาและวาติกัน ไม่มีการบันทึกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ตำนานของพระสันตะปาปาโยน (Pope Joan) นี้ เป็นที่กล่าวถึงและถูกเชื่อถือในช่วงศตวรรษที่ 16 โดยตำนานกล่าวว่า เธอคือสตรีที่มีความคิดและได้รับการศึกษาที่มากกว่าสตรีในยุคสมัยเดียวกัน ก่อนจะตัดสินใจปลอมตัวเป็นนักบวชเพื่อตามคนรักที่เข้ารีตศาสนจักร และไต่เต้าด้วยความสามารถจนรั้งตำแหน่งพระสันตะปาปา แต่ปลายทางของพระสันตะปาปาหญิงก็ไม่ได้ปิดฉากอย่างสวยงาม เมื่อความลับที่ถูกปิดเอาไว้มานานปีถูกเปิดเผย นั่นคือการพิพากษาชีวิตของเธอ และแม้จะถูกเชื่อถืออย่างมากในเรื่องราวดังกล่าวช่วงศตวรรษที่ 16 แต่ภายหลัง ตำนานแห่งโป๊บโยนก็ถูกตีความว่าเป็นเพียงเรื่องเล่า จากการศึกษาของทั้งฟากคาธอลิกและโปรเตสแตนท์ (แต่การกำหนดพิธีกรรมเพื่อให้แน่ใจว่าพระสันตะปาปาเป็นชายแท้ รวมถึงการทำลายรูปปั้นของโป๊บโยน ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เรื่องราวเหล่านี้ ดูมีเค้าความจริงมากยิ่งขึ้น) ความสามารถที่ถูกมองข้ามด้วยความไม่เสมอภาค การอดทนข่มกลั้นตัวตน และการเดินในเส้นทางของระบบที่ไม่อาจรับประกันปลายทางใดๆ คือสิ่งที่ นิอิจิมะ มาโกโตะ สาวแกร่งแห่งทีมจอมโจรขโมยใจจำต้องทน ก่อนที่เธอจะถูกผลักจนหลังชนฝา ขอสลัดทิ้งตัวตนที่เคยเป็นมา เพื่อปลดปล่อย Persona เช่น Johanna ที่พร้อมดับเครื่องชนอย่างเต็มสปีด ปิดฉากการจำยอมที่พึงกระทำมานานนับปีทิ้งไว้โดยไม่เหลียวหลังกลับมาอีกต่อไป [Trivia] -แม้จะมีการกล่าวถึงเรื่องราวของโป๊บโยนอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 16 แต่นักศาสนศึกษาก็ยังคงไม่อาจสรุปได้ว่านั่นเป็นเวลาที่แท้จริง เพราะแหล่งข้อมูลบางชุดก็กล่าวว่า ตำนานของโป๊บโยนนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 -Johanna ถือว่าเป็น Persona ตัวแรกในซีรีส์ที่เป็น ‘ยานพาหนะ’ รวมถึงชุดและหน้ากากของมาโกโตะ ที่เน้นความขบถแบบนักบิดมอเตอร์ไซค์โลกหลังหายนะ (ลุคที่ขัดแย้งกับตัวตนภายนอกโดยสิ้นเชิง) -สำหรับผู้ที่สนใจเรื่องราวของโป๊บโยน สามารถหาชมได้จากภาพยนตร์เยอรมันเรื่อง Die Papstin (Pope Joan) ของผู้กำกับ Sonke Wortmann นำแสดงโดย … Johanna Wokalek นักแสดงหญิงชื่อดังขวัญใจชาวเยอรมัน (และการที่ชื่อของเธอมาโผล่ใน Persona อาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด..ก็เป็นได้) *********************************************************************************************************** //Necronomicon: ความรู้ต้องสาป// “ความรู้ต้องห้ามได้ถูกเปิดเผยแล้ว และจะไม่มีความลับหรือการลวงหลอกใดจะมาทำให้เธอไขว้เขวอีกต่อไป…” Necronomicon หนึ่งในจักรวาลแห่งวรรณกรรมที่ดำรงความลึกลับ เติบโต และต่อยอดแทรกซึมเข้าสู่เรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติของฝั่งตะวันตก ย่อมไม่อาจขาดชื่อของ เอช พี เลิฟท์คราฟท์ (H.P.Lovecraft) นักเขียนชาวอเมริกันผู้ลึกลับ ที่ได้รจนาพื้นฐานของเรื่องสั้นสยองขวัญสั่น ‘จักรวาล’ ที่จะกลายมาเป็น ‘Cthulhu Mythos’ ในภายหลัง (แม้ว่าเขาจะสิ้นชีพวางวายจากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม) และหนึ่งในสิ่งเหนือธรรมชาติที่ลึกลับที่สุด เหนือยิ่งกว่าเหล่าสิ่งมีชีวิตต่างมิติสยองของจักรวาลแห่ง Cthulhu นั้น ‘ตำราต้องสาป’ อย่าง Necronomicon ก็จัดเป็นแก่นกลางของวัฏจักรนี้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ Necronomicon คือวัตถุลึกลับที่เหล่าผู้ดำเนินรอยตามการเขียนนวนิยายสาย Lovecraftian ต่างยึดถือ ปฏิบัติ และนำมาร่วมเป็นส่วนประกอบในเรื่องราวของนวนิยายสายนี้อยู่บ่อยครั้ง ตามพื้นหลังที่มันถูกเขียนขึ้นโดย Abdul Alhazred ‘อับดุลผู้บ้าคลั่ง’ ตัวละครในเรื่องสั้น The Nameless City ที่บรรจุความรู้ของเหล่า Cosmic Being และความลับแห่งจักรวาล รวมถึงพิธีกรรมและการติดต่อกับสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ซึ่งว่ากันว่า ความรู้อันท่วมท้นและน่าสะพรึงกลัวของมัน มีความรุนแรงระดับที่ทำให้จิตใจของผู้คนปกติที่มีโอกาส (อันสุดซวย) ทอดสายตาเพียงหนึ่งหน้า ถึงขั้นเป็นบ้าวิกลจริตเสียสติอย่างไม่อาจมีทางย้อนคืนได้ (และแน่นอนว่า ภายใต้ความสิ้นหวังระดับจักรวาลของ Cthulhu Mythos นั้น ตำราต้องห้ามอย่าง Necronomicon ก็ได้มีโอกาสทำลายสติของตัวเอกในเรื่องสั้นหลายต่อหลายเรื่องอย่างมีประสิทธิภาพ…) สำหรับสาวน้อยนักเจาะระบบหนึ่งเดียวแห่งทีมจอมโจรขโมยใจเช่นซากุระ ฟุตาบะ นั้น การที่มีความรู้ในโลกไซเบอร์ราวกับฝ่ามือ ความเชี่ยวชาญในการเจาะเข้าระบบอันลึกลับของ Metaverse และ Mementos รวมถึงอัจฉริยภาพที่ส่งผ่านจากอิชิกิ วาคาบะ ผู้เป็นแม่ ที่ศึกษาศาสตร์แห่ง Cognitive Science จะมี Persona ใดที่เหมาะสมสำหรับเธอเท่ากับ ‘ตำราต้องสาป’ เล่มนี้อีกหรือ? [Trivia] -ฉากการปลุก Persona ของฟุตาบะนั้น เป็น Easter Egg ที่อุทิศให้กับ Call of Cthulhu อย่างชัดเจน อย่างน้อยๆ กับ ‘หนวดปลาหมึก’ ที่เป็นสัญลักษณ์ของ Cthulhu ‘The Great Old One’ ที่เหล่าแฟนๆ ต่างคุ้นเคยกันดี -ฟุตาบะเป็นคนเดียวที่ปลุก Persona โดยไม่ผ่านขั้นตอนการกระชากหน้ากาก อาจจะด้วยเหตุผลว่า แท้จริง เธอรู้อยู่ลึกๆ ว่าสิ่งใดที่เป็นความจริง รวมถึง Necronomicon ที่ไม่อาจปิดบังความจริงใดจากเธอได้อีกต่อไป -ชื่อรหัส Oracle ของฟุตาบะนั้น นอกจากจะเป็นการอุทิศให้กับตัวละคร Oracle หรือ Barbara Gordon กับบทบาทของเธอในซีรีส์ Batman แล้วนั้น ตำแหน่ง Oracle ในสมัยโบราณคือ ‘เทพพยากรณ์’ ทางศาสนา ที่จะชี้หนทางให้แก่ผู้ศรัทธาตามวาระ เช่นเดียวกับที่บทบาทนี้เคยเป็นในไตรภาค The Matrix ของสองพี่น้องวาชาวสกี้ *********************************************************************************************************** //Milady: แรงปรารถนา กับการทรยศอันงดงาม// “ตัดสินใจได้เสียทีนะ องค์หญิงที่รักของชั้น รู้แล้วใช่มั้ย ว่าอิสรภาพที่แท้จริง มันย่อมก่อกำเนิดจากการทรยศอันงดงาม เช่นนั้นแล้ว อย่ามัวแต่ลังเลใจอยู่เลย” Milady การทรยศหักหลัง อาจจะเป็นพฤติกรรมที่มีความคลุมเครือมากที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษยชาติ นั่นเพราะหลายครั้ง การกระทำตามใจปรารถนาเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ อาจจะเป็นความขัดแย้งและการหาประโยชน์จากแนวทางของผู้ที่เกี่ยวข้อง และเมื่อการทรยศมาผสมรวมกับความโหยหาในอิสรภาพจากการกดขี่ของระบบ ภายใต้กลเกมการเมืองและชนชั้นนำเป็นใหญ่แล้ว นั่นจึงเป็นวัตถุดิบที่ดีในการสร้างตัวละครที่มีมิติและสีสัน เช่นเดียวกับ Milady หนึ่งในสตรีโฉดคนสำคัญแห่งนวนิยายอมตะ สามทหารเสือ (The Three Musketeers) ของอเล็กซองดร์ ดูมาส์ (Alexandre Dumas) นักเขียนชื่อดังชาวฝรั่งเศส ท่านหญิง Milady de Winter เป็นชื่อของตัวละครหญิงที่มีบทบาทสำคัญในฐานะศัตรูผู้ลึกลับที่ชักใยอยู่เบื้องหลังและขัดขวางการผจญภัยของสามทหารเสือ ทั้งการเป็นสายลับให้กับพระราชาคณะ Richelieu ในกลเกมการเมืองเพื่อก่อสงครามระหว่างดยุคแห่งบัคกิ้งแฮมและพระเจ้าหลุยส์ที่สิบสาม, การประสงค์ร้ายต่อเอธอส หนึ่งในสามทหารเสือผู้เป็นอดีตสามี และดาร์ตาญัง ทหารเสือตัวเอกของเรื่องที่พบว่า เธอถูกตีตรา Fleur-De-Lis ในฐานะอาชญากรคนสำคัญ รวมถึงการทรยศหักหลังผู้คนที่ผ่านทางมาเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ก่อนที่สุดท้าย จะถูกประหารด้วยการบั่นคอชดใช้อาชญากรรมที่ก่อไว้ การทรยศหักหลังอาจเป็นความต่ำทรามในสายตาของระบบและความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน แต่สำหรับโอคุมุระ ฮารุ คุณหนูแห่งบรรษัทโอคุมุระ ผู้ถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากผู้เป็นพ่อในฐานะสินทรัพย์ชิ้นหนึ่งเพื่อไต่บันไดแห่งการเมือง ไม่มีหนทางใดที่เธอจะสลัดหลุดออกจากวังวนเหล่านี้ นอกจากต้องกล้ำกลืนความรู้สึก และ ‘ทรยศ’ ต่อหนทางที่ถูกกำหนดไว้ ปลดปล่อยตัวตนสู่ Persona เพื่อสร้างเส้นทางแห่งอิสรภาพของตน [Trivia] -Milady ที่เป็น Persona ของฮารุนั้น ไม่มีใบหน้าที่ชัดเจน เป็นการสะท้อนถึงตัวตนของ Milady de Winter ที่ไม่อาจมีใครรู้ได้ว่า ตัวตนที่แท้จริงของเธอคือใคร -การนาบเหล็กตีตรา Fleur-De-Lis นั้น ไม่ได้มีหลักฐานที่ปรากฏขึ้นจริงนอกจากในนวนิยายสามทหารเสือ (ที่ผู้ถูกประทับนาบตราจะถูกเรียกขานว่า Fleurdeliser) อีกทั้งลัญจกร Fleur-De-Lis ยังเป็นสัญลักษณ์ที่แทนความเป็นเชื้อพระวงศ์ และสัญลักษณ์ของลูกเสือสามัญ (อากีล่า จงทำดี จงทำดี จงทำดี…) แต่กระนั้น การนาบตราประทับอาชญากร ก็เป็นสิ่งที่กระทำอย่างแพร่หลายในช่วงศตวรรษที่ 16 (เช่น การนาบตรา A จากคำว่า Adultery สำหรับผู้ที่กระทำผิดศีลธรรมคบชู้ เป็นต้น) *********************************************************************************************************** //Zorro: จอมโจรผู้ว่องไว ผู้เก็บไว้ซึ่งตัวตน// “นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป เราจะพึงปฏิบัติตัวให้สมกับจอมโจรขโมยใจ!” Morgana “ผู้พิทักษ์ใต้หน้ากาก (Mask Vigilante)” อาจจะถือเป็นสาขาหนึ่งที่แตกไลน์ออกจากสุภาพบุรุษจอมโจร ภายใต้วิถีปฏิบัติที่ใกล้เคียงกัน การปิดบังตัวตน การอยู่ตรงข้ามกับผู้คุมกฎระเบียบอันไม่ชอบธรรม และมุ่งหมายอภิบาลผู้ตกทุกข์ด้วยวิถีทางของตน และผู้พิทักษ์หน้ากากที่เป็นตำนานมายาวนานมากว่าศตวรรษ คงยากที่หนีชื่อของ Zorro ไปได้ Zorro หรือหน้ากากซอร์โร คือตัวละครผู้พิทักษ์หน้ากากผู้ลึกลับ ที่ถูกสร้างขึ้นจากปลายปากกาของจอห์นสตัน แมคคัลเลย์ (Johnston McCulley) ยอดนักเขียนระดับบรมครูของสหรัฐอเมริกา ที่เริ่มเดบิวบทบาทของตนเองในเรื่องสั้นห้าตอน The Curse of Capistrano ก่อนจะขยายบทบาทไปสู่เรื่องสั้นซีรีส์ของตนเอง กับการผจญภัยของ Don Diego de la Vega คหบดีใหญ่เชื้อสายแคลิฟอร์เนียน/เม็กซิกัน ผู้รุ่มรวยเจ้าเสน่ห์ แต่กลับมีอีกโฉมหน้าคือหน้ากาก Zorro ผู้พิทักษ์ชาวบ้านที่ถูกกดขี่โดยทางการสเปน ในช่วงเวลาที่แคลิฟอร์เนียยังอยู่ภายใต้การปกครองของเม็กซิโก
22 Mar 2020
5 เหตุผลที่ทำให้ Persona 5 เป็น JRPG ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก
ท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เกม Action ก็ได้เป็นสิ่งที่เข้าถึงผู้เล่น และกลายเป็นแนวเกมที่ผู้ผลิตเลือกนำมาพัฒนามากขึ้น แม้แต่เกม RPG ฟอร์มยักษ์ก็ยังพยายามเปลี่ยนแนวไปเป็นเกม Action เพื่อทำตลาดทั่วโลก ทำให้ความเป็น JRPG หรือสเน่ห์ของเกม RPG แบบญี่ปุ่นเริ่มจางหายไปทีละเล็กละน้อย แต่ Persona 5 กลับเป็นหนึ่งในเกม JRPG ในยุคปัจจุบัน ที่ถึงแม้จะยังคงรูปแบบการเล่นที่ดูล้าสมัย แต่กลับสร้างสรรค์ความสนุกแบบเกมสมัยใหม่ จนกลายเป็นเกมที่ถูกพูดถึงและสร้างความนิยมไปได้ทั่วโลก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เกม JRPG ในสมัยนี้จะสามารถทำได้ถึงขนาดนี้ แต่อะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้ Persona 5 เป็นที่รู้จักและชื่นชอบกันได้ถึงขนาดนี้ เราลองมาดูเหตุผลทั้ง 5 ข้อกันเลย! 1. Art Work ภาพประกอบที่สวยงาม นับตั้งแต่ Persona 3 เป็นต้นมา ซีรี่ส์ Persona ก็ได้มีการใช้โทนสีของแต่ละภาคอย่างชัดเจน โดยเริ่มจาก Persona 3 เป็นโทนสีฟ้า Persona 4 เป็นโทนสีเหลือง จนกระทั่งมาถึง Persona 5 ก็ใช้ภาพในดทนสีแดง และได้มีการยกระดับของภาพประกอบในเกมไปอีกขั้น ไม่ว่าจะเป็นกราฟฟิคของเกมที่สวยงาม ที่มีการใช้สีแดงตัดกับสีดำได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่เพียงแต่ภาพประกอบหรือกราฟฟิคของเกมที่พัฒนาให้เข้ากันอย่างเหมาะสม ก็ยังมีการดีไซน์จัดวาง UI คำสั่งเมนูต่าง ๆ ของเกม ที่เป็นเทคนิคการใช้ภาพที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวมากอีกด้วย ด้วยภาพลักษณ์ที่ถ่ายทอดเสน่ห์ของเกมออกมาได้อย่างลงตัวแบบนี้ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าจะเห็นกี่ครั้งแล้ว ก็จะต้องรู้สึกว่าภาพประกอบของเกมนี้มันเท่สุด ๆ ไปเลย! 2. Soundtrack เพลงประกอบที่ติดหู ส่วนประกอบอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเกม RPG ก็คือเพลงประกอบอันไพเราะหรือมีความโดดเด่นที่ฟังแล้วติดหูได้ทันที ซึ่งในขณะที่เพลงภาคก่อน ๆ ก็มีเพลงประกอบที่ดีแล้ว Persona 5 ก็มีเพลงเด็ด ๆ มาให้ได้ฟังกันมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมอีกหลายเท่าตัว! ถ้าเป็นคนที่เล่นเกมได้ฟังแล้วก็จะนึกถึงได้เลยว่าเพลงนี้เป็นฉากไหน หรือเป็นบรรยากาศไหนตอนไหน อย่างน้อยต่อให้เป็นคนที่ไม่เคยเล่นเกมมาก่อน แต่ถ้าลองได้ฟังเพลงอย่าง “Last Surprise” หรือ “Wake up, Get up, Get out there” ก็เชื่อว่าจะสามารถจดจำติดหูได้อย่างแน่นอน 3. Gameplay ระบบการเล่นที่ไม่ตกยุค ในขณะที่ปัจจุบัน ผู้เล่นส่วนใหญ่ล้วนเข้าถึงและสนุกกับการเล่นเกมแบบ Action กันมากขึ้น แต่ Persona 5 กลับเป็นหนึ่งในเกมยังคงเอกลักษณ์ของความเป็นเกม RPG เอาไว้ และยังคงใช้ระบบการเลือกคำสั่งโจมตีแบบ Turn Base เหมือนเดิม เพียงแต่สิ่งที่ทำให้ระบบการเล่นของเกมนั้นสนุกได้แบบไม่ตกยุค คือสปีดการเล่นของเกมเพลย์ที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว และมีเอฟเฟ็คต์การต่อสู้ที่มีสันฉูดฉาดน่าตื่นตาตื่นใจ ยิ่งรวมกับเพลงประกอบที่โดดเด่นด้วยแล้ว ทำให้ถึงแม้จะเป็นการเล่นที่ต้องเลือกคำสั่ง แต่ด้วยความที่มีการตอบสนองอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้ผู้เล่นรู้สึกตื่นตัวตลอดเวลาและไม่รู้สึกชวนหลับเหมือนเกมอื่น ๆ เลยสักนิดเดียว 4. Story เรื่องราวที่น่าติดตาม แน่นอนว่าจุดเด่นของเกม JRPG คือการมีเนื้อเรื่องที่สนุกสนานให้ติดตาม โดยเนื้อเรื่องของ Persona 5 จะเกี่ยวกับกลุ่มจอมโจร Phantom Thief ที่มีความสามารถในการช่วงชิงหัวใจของผู้อื่น จนเกิดเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ของสังคม ซึ่งตัวเกมก็ยังคงจุดเด่นที่เหล่าตัวเอกจะอยู่ในช่วงนักเรียนมัธยมปลาย จึงทำให้เป็นที่ชื่นชอบของใครหลายคนได้ง่าย เพราะผู้เล่นจะสามารถใช้ชีวิตประจำวันที่สนุกสนานเหมือนเด็กนักเรียนได้ด้วย และยังมีการผสมผสานความดาร์คแฟนตาซีผ่านทางพลังพิเศษที่เรียกว่า Persona ได้อย่างลงตัว อีกทั้งเนื้อเรื่องของเกมในภาคนี้ก็ได้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงมากขึ้น ทำให้มีการสะท้อนสังคมในชีวิตจริงได้แบบกล้าเล่นอีกด้วย ซึ่งแนวเรื่องของการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยตัวเองจากการถูกกักขังในภาคนี้ ก็เหมือนกับเป็นสิ่งที่สะท้อนการต่อสู้ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว 5. Character Design ตัวละครที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ และสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกมเป็นที่รู้จักและสนใจกันได้นั้น ก็คือ Character Design นั่นเอง เพราะหากลองนึกดูแล้ว จะเห็นได้ว่าหลาย ๆ เกมดังทั้งหลายนั้น ก็ล้วนแต่มีการดีไซน์ตัวละครที่โดดเด่นเข้ากับเกมของตัวเองกันทั้งนั้น ซึ่งนอกจากตัวละครเพื่อนพ้องในภาคนี้แล้ว ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าตัวละครหลักอย่าง Joker นั้นเป็นตัวละครที่ดีไซน์ออกมาได้ดีมาก ถึงแม้จะดูมีความเรียบง่าย แต่ก็ทำให้แม้แต่คนที่ไม่รู้เคยจักเกมมาก่อน ก็ยังสามารถรู้สึกคุ้นเคยหรือเคยเห็นกันมาก่อนได้ เพราะแค่เห็นตัวละคร Joker ก็สามารถรู้กันได้เลยว่ามาจากเกม Persona 5 เพราะงั้นการที่สามารถทำให้คนอื่นรู้จักเกม เพียงแค่เห็นตัวละครหลักตัวเดียวแล้วรู้ว่าเป็นใครมาจากเกมอะไรได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร้จในการดีไซน์ตัวละครของเกมนั้น ๆ แล้ว โดยรวมแล้วจะเห็นว่าทุกสิ่งที่กล่าวมาล้วนเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่ทุกเกมล้วนมีกันทั้งนั้น แต่การทำอย่างไรให้องค์ประกอบพื้นฐานนั้นสามารถแสดงออกมาผ่านทางตัวเกมได้อย่างยอดเยี่ยมมากที่สุด นั่นก็เป็นความสามารถของผู้พัฒนาแต่ละเกมและแต่ละฝ่าย ซึ่ง Persona 5 ก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามันสามารถทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมาก จึงทำให้นี่เป็นเกม JRPG ที่เคยได้รับรางวัลเกมแห่งปีของประเทศญี่ปุ่น และกลายเป็นเกมที่ได้รับเสียงตอบรับจากเกมเมอร์ทั่วโลกเป็นอย่างมาก ส่วนใครที่ยังไม่เคยลิ้มรสความสนุกของเกม ก็สามารถติดตามเล่น Persona 5 The Royal ที่มีทั้งการเพิ่มตัวละคร เนื้อเรื่อง และระบบใหม่ ๆ เข้ามามากมายจากเวอร์ชั่นดั้งเดิมให้สมบูรณ์มากขึ้น ในเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษที่จะวางจำหน่าย 31 มีนาคมนี้ครับ
20 Mar 2020
Persona 5 Royal ชวนคุณมาเปลี่ยนโลกในตัวอย่างใหม่
ถ้าพูดถึงเกม JRPG ที่โดดเด่นที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เชื่อว่าหนึ่งในเกมที่จะได้รับการกล่าวถึงก็คือ Persona 5 ด้วยความนิยมอันล้นหลามของเกม ก็คงไม่น่าแปลกใจที่ผู้เล่นหลายๆ คนจะให้ความสนใจกับการวางจำหน่ายของเกมฉบับปรับปรุงใหม่อย่าง Persona 5 Royal ที่เพิ่มเนื้อหาและระบบเกมเพลย์ใหม่ๆ เข้าไปสู่เกม JRPG ระดับแนวหน้านี้ ล่าสุด ทางผู้พัฒนา Atlus ก็ได้ปล่อยตัวอย่างใหม่ของเกมภาคภาษาอังกฤษออกมาให้ชมกันอีกครั้ง โดยในคราวนี้จะพูดถึงแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงโลกของเหล่าตัวเอก ในฐานะกลุ่มโจรขโมยใจ (Phantom Thief) นั่นเอง สำหรับคนที่อาจจะตกข่าว เกม Persona 5 Royal คือภาคปรับปรุงใหม่ของเกม Persona 5 (ลักษณะเดียวกับเกม Persona 4 Golden ของเครื่อง PS Vita) ซึ่งเพิ่มเนื้อหาเกมเพลย์ใหม่ๆ เข้าไปมากมาย ตั้งแต่การยืดเนื้อเรื่องของเกมให้ยาวขึ้น การเพิ่มตัวละครเพื่อนร่วมทีมใหม่ Social Link ใหม่ และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย Persona 5 Royal (ภาคภาษาอังกฤษ) จะวางจำหน่ายวันที่ 31 มีนาคมนี้สำหรับ PS4 โดยเฉพาะ Credit: Siliconera ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
13 Mar 2020
10 เกม PC/Console น่าเล่นประจำเดือนมีนาคม 2020
ผ่านมาแป๊บเดี๋ยวก็เข้าสู่เดือนที่ 3 ประจำปี 2020 แล้ว นับว่าวันเวลาผ่านไปเร็วมากสำหรับหลาย ๆ คน โดยเดือนนี้เดิมทีเป็นเดือนที่จะมีเกมใหญ่ ๆ ออกมามากมายแต่ก็ถูกเลื่อนไปอย่างน่าเสียดาย แต่อย่างไรก็ตามเดือนนี้ยังคงมีเกมน่าเล่นให้เหล่าเกมเมอร์ได้ลองหามาเล่นกัน 1.Murder by Numbers - 3 มีนาคม แพลตฟอร์ม PC, Nintendo Switch เปิดต้นเดือนมาก็มีหนึ่งในเกมอินดี้น่าสนใจกับ Murder by Numbers เกมแนวสืบสวนสอบสวนผสมกับแก้ไขปริศนา ที่ว่าด้วยเรื่องราวของเมือง Los Angeles ในปี 1996 เมื่อ Honor Mizrah นักแสดงชื่อดังจากซีรีส์นักสืบต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีปริศนาเสียเอง โดยต้องร่วมมือกับหุ่นยนต์ SCOUT ในการแก้ไขปริศนานี้ ตัวเกมมีกราฟิกที่สวยงามในสไตล์ของแอนิเมชั่น พร้อมกับได้นักแต่งเพลงชื่อดังอย่าง Masakazu Sugimori มาแต่งเพลงให้อีกด้วย 2.Pokemon Mystery Dungeon: Rescue Team DX - 6 มีนาคม แพลตฟอร์ม  Nintendo Switch เกมต่อมาเป็นหนึ่งในเกม Pokemon ที่หลาย ๆ คนรอคอยกับ Pokemon Mystery Dungeon: Rescue Team DX  ที่เป็นภาครีเมคของ Pokémon Mystery Dungeon: Blue Rescue Team/Red Rescue Team ซึ่งเคยวางจำหน่ายเมื่อหลายปีมาแล้ว โดยในภาคนี้ตัวเกมยังคง Concept เดิมแต่ได้มีการพัฒนาในด้านของกราฟิกให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มรายละเอียดอื่น ๆ อีกมากมายอย่าง Mega Evolved Pokémon อีกด้วย ใครที่อยากจะย้อนความหลังก็ลองหามาเล่นกันได้ 3.Ori and the Will of the Wisps - 11 มีนาคม แพลตฟอร์ม PC, Xbox One หลังจากที่เกม Ori and the Blind Forest ประสบความสำเร็จอย่างมากมาย พร้อมทั้งมีชื่อถูกเข้าชิงและได้รับรางวัลจากหลาย ๆ เวทีในที่สุดภาคต่อของเกมนี้ก็มาในชื่อ Ori and the Blind Forest ที่ยังคงรูปแบบการเล่นแบบ Action - Adventure แต่ได้อัปเกรดในส่วนของกราฟิก เสียงดนตรีประกอบให้ดีขึ้นไปอีกขึ้น เป็นหนึ่งในเกมที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง 4.MY HERO ONES JUSTICE 2  - 13 มีนาคม แพลตฟอร์ม PC, Xbox One, PlayStation 4 จากการ์ตูนชื่อดังสู่เกมต่อสู้สุดเร้าใจ MY HERO ONES JUSTICE 2 ถือว่าเป็นภาคต่อที่ได้รับการพัฒนาในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นตัวละครใหม่ ๆ ระบบการต่อสู้แบบ 2v2 ระบบฉากที่สามารถถูกทำลายได้ การตกแต่งตัวละครที่หลากหลายและอื่น ๆ อีกมากมาย แฟน ๆ ของการ์ตูนเรื่องนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด 5.Nioh 2 - 13 มีนาคม แพลตฟอร์ม PlayStation 4 เกมต่อมาเอาใจเกมเมอร์สาย Hardcore ที่ชอบเสพติดความยากและความท้าทายกับ Nioh 2 เกมแนว Action / RPG ที่จะนำคุณเข้าสู่ตำนานลึกลับของประเทศญี่ปุ่น ที่คุณต้องเอาชีวิตรอดออกมาให้ได้ ตัวเกมได้มีการพัฒนาขึ้นจากภาคแรกทั้งในเรื่องของระบบการเล่นที่ลื่นไหลขึ้น การตกแต่งตัวละครในรูปแบบของตัวเองได้รวมถึงกราฟิกที่ได้พัฒนาขึ้นอย่างมาก ใครที่ชอบเกมที่เล่นยาก ๆ น่าจะชอบเกมนี้ 6.Animal Crossing Switch New Horizons - 20 มีนาคม แพลตฟอร์ม  Nintendo Switch กลับมาอีกครั้งกับเกมสุดน่ารักของสาวก Nintendo กับเกม Animal Crossing Switch New Horizons ที่คราวนี้ได้พาผู้เล่นไปยังเกาะห่างไกลผู้คน โดยในภาคนี้ได้มีการเพิ่มระบบใหม่ ๆ ที่หลาย ๆ คนน่าจะชอบอย่างการกางเต็นท์ ระบบคราฟท์ไอเทมแบบใหม่เป็นต้น เป็นอีกหนึ่งเกมสนุกที่สามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัย 7.Doom Eternal  - 20 มีนาคม แพลตฟอร์ม PC, Xbox One, PlayStation 4 หลังจากติดโรคเลื่อนมาหนึ่งครั้งในตอนนี้ Doom ก็พร้อมที่จะกลับมาแล้วกับ Doom Eternal ที่ว่าด้วยเรื่องราวของโลกในปี 2151 ที่ถูกนรกรุกราน ทำให้เราในฐานะของ Doom ต้องต่อสู้กับเหล่าปีศาจเพื่อนำสันติสุขมาสู่โลกอีกครั้ง สำหรับเกมนี้ยังเป็นยิงกันเลือดสาดเต็มจอ พร้อมกับระบบการเล่นแบบ Old School ที่จะจัดเต็มในเรื่องของความเร้าใจ ความมันส์และอาวุธใหม่ ๆ ในการจัดการเหล่าปีศาจ ใครที่อยากได้เกมมันส์ ๆ แนะนำเกมนี้เลย 8.Half-Life: Alyx - 23 มีนาคม แพลตฟอร์ม PC (VR) ถือว่าเป็นหนึ่งในเกม VR เกมเดียวที่หลาย ๆ คนสนใจกับ Half-Life: Alyx เกมจากทาง Valve ที่จะนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเกมระดับตำนานอย่าง Galf-Life 2 โดยเราจะได้รับบทเป็น Alyx Vance ที่ต้องร่วมมือกับเหล่าผู้ต่อต้านในการเอาชนะเหล่า Combine ที่ตื่นเต้นไม่แพ้ภาคก่อนเลย ไม่แน่หากเกมนี้ขายดี Half-Life 3 อาจจะมาก็เป็นได้ 9.One Piece: Pirate Warriors 4 - 27 มีนาคม แพลตฟอร์ม PC, Xbox One, PlayStation 4 , Nintendo Switch One Piece: Pirate Warriors 4 ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมจากการ์ตูนที่ได้รับความนิยมมาก โดยการนำเอาจักรวาลของ One Piece มาผสมกับแนวทางการเล่นแบบ Dynasty Warrior ในภาคนี้ตัวเกมยังคง Concept เดิมคือ"การต่อสู้กับกองทัพศัตรูพร้อมกับพวกพ้องที่ไว้ใจ" พร้อมกับได้มีการพัฒนาหลาย ๆ อย่าง ทั้งในเรื่องของกราฟิก ระบบการเล่นและอื่น ๆ อีกมากมาย สาวก One Piece ไม่ควนพลาดด้วยประการทั้งปวง 10.Persona 5 Royal  - 31 มีนาคม แพลตฟอร์ม PlayStation 4 Persona 5 Royal หลังจากวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นมานานในที่สุดเวอร์ชันภาษาอังกฤษก็ได้ออกมาให้เหล่าเกมเมอร์ทั่วโลกได้สัมผัสเสียที สำหรับเกม Persona 5 Royal คือการอัปเกรดเกม Persona 5 ขึ้นมาจนแทบจะเป็นเกมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มสถานที่ในเกมและ Persona ใหม่ ๆ ปรับปรุงระบบการเล่นให้ดียิ่งขึ้น ใครที่ชอบเล่นเกมแนว JRPG เกมนี้ต้องลอง
26 Feb 2020
Persona 5 Royal ปล่อยวิดีโอตัวใหม่อธิบายถึงสิ่งที่เปลี่ยนไปในภาคนี้!
Persona 5 กลายเป็นหนึ่งในเกมที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของ ATLUS โดยหลังจากที่ตัว Animation ของเกมนี้ออกอากาศไปได้ไม่นาน ผู้พัฒนาก็ได้ประกาศเปิดตัวเกมนี้เวอร์ชั่นใหม่ในชื่อ Persona 5 Royal ซึ่งผู้พัฒนาก็เคยสัญญาเอาไว้ว่า ภายในเกมเวอร์ชั่นนี้จะมีการเพิ่ม เนื้อเรื่อง ตัวละคร รวมไปจนถึงสถานที่ใหม่ ๆ ในเกมด้วย และวันนี้ก็ดูเหมือนเราจะได้รู้กันแล้วครับว่า สิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามา หรือสิ่งที่เปลี่ยนไปในเกมมันมีอะไรบ้าง! ATLUS ได้ปล่อยวิดีโอตัวใหม่ ที่ให้เสียงพากย์โดย Morgana ภายในวิดีโอจะมีการอธิบายถึงสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาในเกมไม่ว่าจะเป็นตัวละครใหม่ Kasumi กับ Footage เกมเพลย์ต่าง ๆ ของเธอ , เขต Kichijoji พื้นที่ใหม่ที่เพิ่งจะถูกเพิ่มเขามาในเวอร์ชั่นนี้ , ฉากใหม่ ๆ ที่มีภายในโรงเรียน , รวมไปจนถึง Thieves Den อีกหนึ่งสถานที่ใหม่ ซึ่งจะมีมินิเกมจำนวนมากรอให้เราไปเล่น สามารถรับชมวิดีโอดังกล่าวได้ข้างล่างนี้เลยครับ Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นวางจำหนายแล้ววันนี้บนเครื่อง PS4 ส่วนเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะวางจำหน่ายในวันที่ 31 มีนาคม 2020 นี้ครับ Credit : Gamingbolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
20 Feb 2020
ATLUS เผยจะพยายามเอา Persona 5 Royal ไปลงให้กับ Nintendo Switch ให้ได้!
Persona 5 กลายเป็นเกมที่สร้างเงิน และชื่อเสียงให้กับ ATLUS เป็นอย่างมาก และการมาของ Persona 5 Royal กับ Persona 5 Scramble ก็ยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ มากยิ่งขึ้นไปอีก บวกกับในช่วงที่เครื่อง Nintendo Switch ขายดีเป็นเททิ้งขนาดนี้ อีกทั้ง P5S เองก็ลงให้กับเครื่อง Nintendo Switch ด้วย แฟน ๆ ก็เลยคาดหวังที่จะได้เล่น P5R บนเครื่อง Switch เช่นกัน ซึ่งดูเหมือนว่า ATLUS เองก็อยากเอาเกมไปลงให้กับ Switch ใจจะขาดเหมือนกันครับ! เว็บไซต์ IGN ได้ถาม Communications Manager ของ ATLUS คุณ Ari Advincula ว่า "มันถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องยอมแพ้เรื่องพอร์ตเกม P5R ไปลง Switch ใช้รึเปล่า?" ซึ่งคุณ Ari ก็ได้ตอบกลับมาว่า "ฉันเชื่อในการไม่ยอมแพ้จนกว่าจะถึงที่สุด" และยังกล่าวอีกด้วยว่า "ถ้าเหล่าผู้เล่นต้องการอะไร ก็อยากจะให้บอกกับทางเรามาตรง ๆ ไม่อย่างนั้น ไม่มีทางเลยที่เราจะทำสิ่งเหล่านั้นให้เป็นจริงได้" ดังนั้นยังมีความเป็นไปได้ที่เกมจะถูกพอร์ตลง Switch อยู่ครับ! Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นวางจำหน่ายแล้ววันนี้บนเครื่อง PS4 ส่วนเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะวางจำหน่ายในวันที่ 31 มีนาคม 2020 นี้ บนเครื่อง PS4 เช่นกันครับ Credit : IGN ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
18 Feb 2020
Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ จะวางขายวันที่ 31 มีนาคม 2020!
หลังจากรอกันมานานในที่สุด ATLUS ก็ประกาศวันวางจำหน่ายเกม Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษแล้วครับ ซึ่งวันวางจำหน่ายนั้นจะเป็นวันที่ 31 มีนาคม 2020 โดยวันที่ดังกล่าวนั้น ถูกประกาศออกมาผ่านทาง Trailer ตัวใหม่ ที่ปล่อยเมื่อคืนนี้พร้อมกับ Footage ภายในเกมอีกนิดหน่อย สามารถรับชม Trailer ดังกล่าวได้ข้างล่างนี้เลยครับ! ภายใน Trailer ยังเปิดเผยว่าตัวเกมจะมี Launch Edition กับ Phantom Thieves Edition ให้สายสะสมได้เลือกซื้ออีกต่างหาก โดยตัว Launch Edition นอกจากได้กล่องพิเศษเป็นแบบ Steel Book แล้ว ยังสามารถดาวน์โหลด Dynamic Theme ได้ด้วย ส่วนแพ็ค Phantom Thieves Edition นั้นจะมีหน้ากากของ Joker พร้อมขาตั้ง , Art Book , Collectors box และอื่น ๆ อีกมากมายแถมมาด้วย งานนี้แฟน ๆ Persona 5 ห้ามพลาดโดดเด็ดขาดครับ Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นวางขายแล้ววันนี้ ส่วนเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะวางขายในวันที่ 31 มีนาคม 2020 บนเครื่อง PS4 ครับ Credit : GamingBolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
04 Dec 2019
Persona 5 Royal กำลังจะมีประกาศครั้งใหญ่ในอีก 12 วัน!
Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่น วางจำหน่ายครั้งแรกช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเราก็ทราบเพียงแค่ว่าตัวเกมเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะวางจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 2020 นี้ แต่ก็ยังไม่ทราบว่า จะวางจำหน่ายในวันที่เท่าไหร่ เดือนไหน ไม่ต้องห่วงครับดูเหมือนช่วงเวลาที่เราไม่รู้อะไรมันใกล้จะจบลงแล้ว เพราะ Atlus U.S.A ได้บอกว่าจะมีประกาศครั้งใหญ่ในอีก 12 วันต่อจากนี้! Official Twitter ของ Atlus U.S.A  ได้ปล่อยรูปภาพใหม่ที่เขียนว่า "You have 12 Day until we expose the Truth of Persona 5 Royal once and for all" หมายความว่าในอีก 12 วันจะมีประกาศครั้งสำคัญเกี่ยวกับเกม Persona 5 Royal ซึ่งเราก็คาดหวังว่าจะได้ทราบวันวางจำหน่ายของเกม หรือถ้าเป็นเรื่องอืน ก็คงเป็นตัวเกมจะลงให้กับ Stadia ด้วย แต่คาดหวังว่าจะเป็นการประกาศวันวางจำหน่ายเกมเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษครับ https://twitter.com/AtlusUSA/status/1197590503312646145 Credit : GamingBolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
22 Nov 2019
Persona 5 Royal ปล่อยวิดีโอโชว์ DLC Crossover กับ Persona ภาคก่อนๆ !
Persona 5 Royal วางขายเวอร์ชั่น ภาษาญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2019 ที่ผ่านมา แน่นอนว่าถึงแม้จะเป็นภาคที่มาจากการ Remake แต่ตัวเกมใหม่ ก็ยังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนอกจากจะมีกราฟิกที่พัฒนาไปนิดหน่อย และเนื้อเรื่องใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้ามาแล้ว ดูเหมือนเราจะสามารถสู้กับพระเอก Persona ภาคก่อนๆ ได้ด้วยครับ! ล่าสุดผู้พัฒนาอย่าง ATLUS ก็ได้ปล่อยวิดีโอ 3 ตัวเปิดเผยเกี่ยวกับ DLC ที่จะมีให้ซื้อในเกมเวอร์ชั่นนี้ โดยทุกตัวจะเป็นการ Crossover กับ Persona ภาคก่อนๆ DLC ตัวแรกคือ Costumes กับ BGM Special จากภาค Persona Q ที่จะสามารถเปลี่ยนตัวละครในเกม เป็นเวอร์ชั่นจิบิน่ารักๆ ได้ ส่วน DLC อีก 2 ตัวคือการได้เข้าไปท้าทาย กับพระเอกของ Persona ภาคก่อนๆ ซึ่งจะสามารถเข้าไปสู้ได้ผ่านทาง Velvet Room รับชมวิดีโอ DLC ทั้ง 3 ตัวได้ข้างล่างนี้ครับ เกม Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นวางขายแล้ววันนี้ ส่วนเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ จะวางขายในช่วงปีหน้า บนเครื่อง PS4 Credit : Gamingbolt ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
11 Nov 2019
Persona 5 Royal เวอร์ชั่นญี่ปุ่นวางจำหน่าย พร้อมปล่อย Launch Trailer แล้ว!
ในขณะที่พวกเราต้องรอถึงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ทางฝั่งผู้เล่นในญี่ปุ่นก็ได้สัมผัสกับ Persona 5 Royal กันแล้ว ซึ่งตั่วเกมภาคนี้ ทางผู้พัฒนาก็ได้ออกมาบอกว่าจะต้องใช้เวลาเล่นมากกว่า 100 ชั่วโมงเลยทีเดียว แน่นอนว่าในช่วงที่เกมออกแล้วแบบนี้ ทางผู้พัฒนาก็ได้ปล่อย Launch Trailer ออกมาด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถรับชมได้ข้างล่างนี้! ซึ่งเอาจริงๆ ก็เป็นการใช้ Footage เก่าๆ มาใช้ซะมากกว่า ถ้าจะแตกต่างเลยคือ มีการโชว์วาดตัวละครด้วยเล็กน้อยด้วย ถ้าเกิดใครสามารถอ่านและเข้าใจภาษาญี่ปุ่นได้ ตอนนี้ก็สามารถซื้อเกมมาเล่นได้เลยครับ ส่วนคนที่อยากจะเล่นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ก็ต้องรอกันต่อไปครับ Persona 5 Royal จะวางจำหน่ายในช่วง มีนาคม - พฤษภาคม บนเครื่อง PS4 ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
01 Nov 2019
สื่อญี่ปุ่นเผย Persona 5 Royal เนื้อเรื่องยาวกว่าภาคดั้งเดิมถึง 20 ชั่วโมง!
แม้ว่าจะยังต้องรอไปอีกหลายเดือนกว่าจะได้เล่นภาคภาษาอังกฤษ แต่สำหรับเกมเมอร์ชาวญี่ปุ่น (หรือคนที่อ่านภาษาญี่ปุ่นออก) จะสามารถเล่นเกม Persona 5 Royal ได้ในสัปดาห์หน้านี้แล้ว! แน่นอนว่าสื่อญี่ปุ่นเองก็เริ่มจะเผยแพร่รีวิวของเกมกันแล้ว ซึ่งนอกจากจะได้รับรู้ความเห็นของสื่อมวลชนต่อเกมภาคใหม่แล้ว ยังมีข้อมูลต่างๆ มากมายที่ถูกเปิดเผยออกมาเป็นครั้งแรกด้วย! สำหรับรีวิวฉบับแรกที่ออกมาเป็นของนิตยสารเกมยอดนิยมอย่าง Famitsu ที่ให้คะแนนเกมถึง 37/40 (ซึ่งน่าแปลกใจว่าคะแนนต่ำกว่าภาคดั้งเดิมที่ได้ถึง 39/40) โดยจุดที่น่าสนใจที่สุดคือส่วนที่ผู้เขียนรีวิวกล่าวถึงเนื้อหาใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในเกมภาคนี้ ซึ่งเขาบอกว่าเพิ่มเวลาเล่นให้เกมมากถึง 20 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งเหตุผลที่ใช้เวลาเยอะขึ้นมากขนาดนี้เพราะเกมมีเนื้อหาเพิ่มเข้ามาเยอะมากๆ ตั้งแต่สถานที่ใหม่ๆ ตัวละคร Social Link ใหม่ๆ ไปจนถึงบทสนทนาระหว่างตัวละครทั้งเก่าและใหม่ที่ถูกเพิ่มเข้าไปในเกมอีกเพียบ ทำให้เขาต้องใช้เวลาเล่นกว่า 100 ชั่วโมงเพื่อจบเนื้อเรื่องของเกม เกม Persona 5 ภาคดั้งเดิมวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2016 และถูกยกย่องให้เป็นเกม JRPG ที่ดีที่สุดเกมหนึ่งของยุคเลยทีเดียว น่าสนใจว่าผู้พัฒนา Atlus จะสามารถทำให้เกม JRPG ระดับเทพอย่างนี้พัฒนาขึ้นได้อีกแค่ไหน คงต้องรอติดตามชมกันต่อไปเมื่อเกมภาคภาษาอังกฤษวางจำหน่ายช่วงกลางปี 2020 จ้า! แหล่งข่าว: Persona Central  ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
25 Oct 2019
เผยขนาดไฟล์ Persona 5 Royal แล้ว คอนเทนต์ใหม่เพียบแน่นอน!
แม้ว่าจะยังต้องรอกันไปอีกซักพักสำหรับเกมภาคภาษาอังกฤษ แต่สำหรับเกมเมอร์ชาวญี่ปุ่นแล้ว เกม Persona 5 Royal ก็กำลังจะวางจำหน่ายในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว! ด้วยประการฉะนี้เอง เราจึงได้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกม อย่างเช่นขนาดไฟล์เกมที่โหลดบน PS4 ซึ่งสำหรับภาค Royal นี้จะใช้เนื้อที่มากกว่าภาคดั้งเดิมถึง 10GB เลยทีเดียว! สำหรับเกมภาค Royal นี้จะใช้เนื้อที่บน PS4 ถึง 30GB เทียบกับเกมภาคดั้งเดิมที่ใช้ราวๆ 20GB เท่านั้นเอง แม้ว่าโดยผิวเผินดูเหมือนว่าข้อมูลนี้จะไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ แต่ถ้าลองคิดดูอีกแง่ เนื้อที่ที่เพิ่มมากว่า 10GB หรือ 50% ของขนาดดั้งเดิมอาจจะเป็นตัวบ่งชี้ปริมาณเนื้อหาที่จะเพิ่มขึ้นมาในภาคนี้ก็ได้เช่นกัน ใครที่รอเล่นภาคใหม่นี้มั่นใจได้เลยว่ามีเนื้อหาอัดแน่นคุ้มเงินแน่นอน! Persona 5 Royal ภาคภาษาอังกฤษยังไม่มีกำหนดวันวางจำหน่ายที่แน่นอน แต่ผู้พัฒนาบอกว่าจะวางจำหน่ายในช่วงกลางปี 2020 ติดตามข่าวสารวงการเพิ่มเติมเกมได้ที่
15 Oct 2019
Persona 5 Royal เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษมา Spring ปีหน้า
Persona 5 เกม RPG ที่ถูกใจหลายๆคนด้วยธีมของเกมที่ไม่เหมื่อนใครและมีความสนุกในแบบของตัวเองแบบที่เกมอื่นไม่มี ล่าสุดก็ได้มีประกาศถึง Persona 5 Royal ที่เป็นเนื้อเรื่องเสริมของ Persona 5 ที่จะว่างจำหน่ายในวันที่ 31 ตุลาคม 2562 นี้ที่ประเทศญี่ปุ่นและดูเหมือนว่าเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษนั้นจะมีกำหนดช่วงออกแล้ว! โดยตัวเกมจะว่างจำหน่ายในโซน North America และ Europe ประมาณฤดูใบไม้ผลิปี 2020 (เดือนมีนาคม-กรกฎาคม บ้านเรา)ภาคเสริมนี้ยังมาพร้อมกับตัวละครใหม่ เนื้อเรื่องใหม่และชาเลนจ์ใหม่ๆอีกเพียบ ใครเป็นแฟน Persona งานนี้ห้ามพลาดครับ Credit : Gamingbolt ( https://gamingbolt.com/persona-5-royal-launches-in-the-west-spring-2020 ) ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่ Website : http://wpadmin.gamefever.co/ Facebook : https://www.facebook.com/GameFeverTH/
19 Aug 2019
Atlus โชว์เกมส์เพลย์ตัวใหม่ของ Persona 5 Royal
ยิ่งปล่อยรายละเอียดมามากเท่าไหร่ก็ยิ่งดูดีมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับ Persona 5 Royal ล่าสุดทาง Atlus ได้ปล่อยวิดิโอเกมส์เพลย์ตัวใหม่เผยให้เราเห็นถึงสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามาจาก Persona 5 โดยประกอบด้วย ตัวละครใหม่ Kasumi Yoshizawa (ซึ่งเราได้เห็นฉากต่อสู้ของเธอด้วย), คนสนิทใหม่ (Social Link) Takuto Maruki, เทอมการศึกษาที่ 3, story ใหม่, เพลงใหม่, ฟีเจอร์ใหม่และอื่นๆ อีกเพียบ สมัย Persona 4 Golden ที่เพิ่มจาก Persona 4 ว่าเยอะแล้ว แต่ดูแล้วครั้งนี้จะเยอะยิ่งกว่าซะอีก! https://www.youtube.com/watch?v=ABbcqh0t2rs https://www.youtube.com/watch?v=oUq2e-PDbCI https://www.youtube.com/watch?v=jL6l-lmyJNg ส่วนที่ถูกเพิ่มเข้าไปในเทอมที่ 3 นั้นจะมีทั้งสถานที่ใหม่ กิจกรรมใหม่ (เช่นสนุกเกอร์) และเหล่า Phantom Thieves Persona 5 Royal มีกำหนดวางจำหน่ายเวอร์ชั่นญี่ปุ่นในเดือนตุลาคมนี้บนเครื่อง PS4 ส่วนเวอร์ชั่นอังกฤษคาดว่าจะเป็นภายในปี 2020
10 May 2019